วันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2562

Brazil Trip 2018: เมื่อเด็กกรุงอยากเข้าป่าอะเมซอน (Part III: This is Rio De Janeiro!)



03/10/2018 Welcome to Rio de Janeiro
มาถึงปุ๊บ เวลาประมาณ 6:40
ภารกิจคือต้องไปฝากเป๋าที่โรงแรมก่อนไปหารูปปั้นพระเยซู ซึ่งมีกำหนดขึ้นรถรางไว้ตอน 9:40 เวลา 3 ชม. ดูฉิวเฉียดมาก วิธีการเดินทางเข้าไปโรงแรมที่เลือกคือ นั่ง BRT จากสนามบินไปต่อรถไฟใต้ดิน (Metro) ซึ่งสามารถซื้อเป็นบัตร Prepaid Rio Card ได้ที่ตู้ขายตั๋วอัตโนมัติเลย มีค่าธรรมเนียมออกบัตรที่ 3 Real + เงินที่ใส่ไป ตอนนั้นมีแค่แบงค์ 50 สรุปเลยเติมไป 47 Real ตอนแรกก็แอบหวั่น ๆ ว่า เฮ้ย มา 2 คนต้องออก 2 ใบเปล่า? เลยใช้อากู๋แปลภาษาถามเป็นโปรตุกีสไปให้พนักงานดู สรุปบัตรเดียวแปะให้ได้ 2 คนเหมือนตุรกี เยี่ยม!!

อ่ะ สำหรับบัตรควรเติมให้พอดี ๆ นะเพราะแลกเป็นเงินกลับคืนไม่ได้ ไม่มีระบบ Refund

จากนั้นก็ขึ้น BRT ยาวไปลงที่สถานี Vicente de Carvalho เพื่อต่อ Metro ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ซึ่งลงไปถึงปุ๊บ นึกถึงหนังเรื่อง Fast and Furious ขึ้นมาเลยตอนฉากที่ว่า ที่นี่คือริโอ เดอ จาเนโร 😓 อารมณ์แบบดูเถื่อนขึ้นทันตาจนแบบต้องปล่อยออร่าหน้าไม่เป็นมิตรระวังกระเป๋าอะไรไว้ คือ จุดต่อเป็นเหมือนย่าน Downtown พอแบกเป๋าลากก็จะดูเด่น ก็ค่อย ๆ เดินไปขึ้นเมโทรซึ่งใช้บัตรเดียวกันได้ มุ่งหน้าไปยังเส้น Botafogo ลงที่สถานี Cinelandia เพื่อไปยังโรงแรม 55 Rio ที่จองไว้ ซึ่งแอบช็อคมากคือคนโคตรแน่น แบบขบวนแรกขึ้นไม่ได้ต้องรอขบวนถัดไปเพื่อเบียด สำหรับผู้หญิงถ้ามาให้เดินไปอีกจะมีตู้เฉพาะเลดี้ให้ ใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ 1 ชั่วโมงรวมเดินออกจากสถานีไปโรงแรม ในสถานีจะมี Currency Exchange ให้ใช้เรตไม่ค่อยดีแต่ดีกว่าในสนามบินที่จะถูกชาร์จค่านู่นนั่นนี่อีกเยอะมาก ด้วยเวลาที่ค่อนข้างสายแล้ว ตอนนั้นประมาณ 9 โมงกว่าแล้วเลยตัดสินใจเรียก Taxi ไปลงสถานีรถไฟ Corcovado ใช้เวลาซัก 20 กว่านาทีก็มาถึง สำหรับรถ Taxi ให้เรียกใช้รถสีเหลืองคาดแถบฟ้าจะเป็นแบบมิเตอร์ ราคาพอตัวแต่สะดวกดี ส่วนใหญ่คนขับจะเป็นคนแก่ที่เกษียณอายุงานแล้วมาหารายได้เลยสุภาพ ค่ารถจากโรงแรมประมาณ 22 Real 

หลังจากมาถึงก็เดินไปที่สถานี สำหรับตัวรถไฟนี่ต้องจองซื้อตั๋วล่วงหน้าผ่านเว็บ http://www.tremdocorcovado.rio/index-eng.html หรือ ซื้อผ่าน App ก็ได้ โดยจะได้เป็นเลข Reservation Code มา จากนั้นชำระด้วยบัตรเครดิต ช่วงที่ไปเป็นราคาช่วง Low Season อยู่ที่ 62 Real ไม่จำเป็นต้องปรินท์ตั๋วแค่ Cap หน้าจอ Code + เอาบัตรเครดิตที่จ่ายไปยืนยันก็พอ สำหรับเวลาที่จองไปไม่ได้ซีเรียสว่าต้องไปรอบนั้น อย่างครั้งนี้ก็ไปสายกว่าจะต่อคิวยืนยันได้รอบ 10:40 นู่น ก็เลยพักกินน้ำ กินทาร์ตไข่รอ

ซักพักจะเรียก Boarding ให้ไปต่อแถวพอได้ขึ้นแนะนำให้นั่งฝั่งหันหลังกลับเพราะจะเห็นวิวชัด ใช้เวลาประมาณ 20 กว่านาทีก็ขึ้นมาถึงปลายทาง เดินต่อขึ้นอีกนิดหน่อยก็จะถึง Christ of Redeemer คนเยอะพอประมาณก็หามุมถ่ายรูปกันยาว ๆ จนพอใจค่อยมาแวะกินน้ำ นั่งพักตากลมชมวิวจนพอใจหายเหนื่อยค่อยกลับลงมา ซักเที่ยงครึ่งค่อยกลับลงมาด้วยรถไฟเส้นเดิม (แนะนำให้นั่งฝั่งหันหลังเหมือนเดิมเพราะแดดจะไม่ส่อง) ซักประมาณ 13:00 ก็ลงมาถึง จากนั้นก็เรียก Taxi มิเตอร์ที่อยู่ด้านซ้ายของสถานีไปหาด Copacabana จุดมุ่งหมายมี 2 อย่าง คือ 1.กินข้าว 2.เดินหาด ด้วยความที่อยากหาร้านกินแบบบาร์บีคิวสไตล์บราซิเลียน หรือ ที่เรียกว่า Churrascaria ที่ร้าน Churrascaria Palace ที่ได้ติด Trip Advisor รวมกับยังไม่ได้กินมื้อหรู ๆ เลยครั้งนี้ จัดไป!!! Buffet ราคาหัวละ 149 Real + Service Fee ราคาโหดแต่ของก็โหดตามจริง ๆ Buffet Bar ประกอบไปด้วยสารพัดชีสหลากหลายแบบ อาหารทะเลต่าง ๆ ทั้งซาชิมิ หอยนางรมสด หอยแมลงภู่ ซุปทะเล พาร์มาร์แฮม สลัดต่าง ๆ etc. ส่วนของที่มีเสิร์ฟให้บนโต๊ะจะมีขนมปังชีส หัวหอมทอด เฟรนส์ฟราย ข้าว จากนั้นพนักงานก็จะมาทยอย ๆ เสิร์ฟเนื้อย่างต่าง ๆ มีทั้ง หัวใจไก่ ซี่โครงแกะ เนื้อวัวส่วนต่าง ๆ ทั้งคอ ไหล่ ลำตัว สะโพก เนื้อหมู เนื้อแองกัส สเต็กเนื้อ เนื้อลูกวัว เนื้อนกกระจอกเทศ หลากหลายเมนูมากมาย เสิร์ฟต่อเนื่องจนกินไม่หมด แต่พวกนี้มักจะย่างเกลือทำให้หิวน้ำพอสมควรสุดท้ายก็สั่งโค้กไป 4 ขวด ส่วนของหวานไม่รวมกับค่า Buffet เลยขอบาย
 
Christ of Redeemer หรือ กริชตูเรเดงโตร์
Christ of Redeemer หรือ กริชตูเรเดงโตร์
วิวข้างบน
วิวข้างบน


0% นะฮะ

Churrascaria Palace

ชีสทุกแบบ ><
อาหารจัดเต็มมาก
ซูชิ ปลาดิบก็มีนะ
หั่นกันสด ๆ เนื้อนุ่มมาก ๆ
คืออยากรู้เทคนิคการย่างมากอ่ะ ไม่แห้งด้วยนะ
เนื้อแต่ละแบบจะมีซอสที่ให้กินคู่ต่างกันไป

ฉ่ำมากกกกกก ><

หลังจากกินเสร็จก็ออกมาเดินชายหาด Copacabana ยอมรับเลยว่ามีขนาดกว้างใหญ่มากและก็ร้อนมากเช่นกัน ส่วนใหญ่จะเห็นคนนอกอาบแดดกันมากกว่าเล่นน้ำทะเล มีเครื่องดื่มอารมณ์สไตล์คอกเทลขายทั่ว ๆ ไป เดิน ๆ ไปได้ซักครึ่งทางรู้สึกว่าแดดเผาทั้งตัวทั้งจากแดดตรง ๆ กับที่สะท้อนกับเม็ดทรายเลยตัดสินใจพอแล้วดีกว่าเดินไปขึ้น Metro ใกล้ ๆ ไปดูบันไดสี Escadaria Selarón แล้วกลับโรงแรมดีกว่าซึ่งเลือกลงอีกสถานีแทนเพื่อจะได้เดินทางใหม่ ๆ และแน่นอนว่ามีหลงเข้าผิดซอย 😂 ไกลกว่าจนสุดท้ายต้องซื้อน้ำ ซื้อไอศครีมกิน ที่นี่ local จะนิยมขายไอศครีม Acai รสชาติก็โอเคนะ แต่น่าจะกินแก้วเล็ก ๆ พอซัก 200 ml มากกว่านั้นจะเริ่มเลี่ยน สุดท้ายพอเดินมาถึงบันไดที่ว่าก็...อืม....มีสีสันหลากหลายดีแค่นั้นแหละ คือ มันไม่มีอะไรจริง ๆ นอกจากสีและรูป รวมถึงการตกแต่งที่มีศิลปินมาทำไว้ ข้างล่างบันไดจะมีร้านค้าขายของแลวสตรีทอยู่บ้างเล็กน้อย ส่วนใหญ่จะเห็นนักท่องเที่ยวแวะมาถ่ายรูปแล้วก็ไป
อย่างกว้าง
โคตรร้อนนนนนนนนนนนนนนนน
นั่นฝุ่นหรือควัน?
อยากกินน้ำผลไม้ แต่ใส่แอลกอฮอล์ทั้งนั้น ยอม TwT
ใต้ดินสถานีเค้าดูดีมากอ่ะ เอาจริง

แอบสอยไอศครีม Acai Berry มาชิม
บันไดสี Escadaria Selarón
บันไดสี Escadaria Selarón
บันไดสี Escadaria Selarón

จากนั้นก็แวะไปร้าน
Star Bucks เผื่อว่าจะมีแก้วของริโอแต่เจอของ Sao Paulo แทนเลยไม่ซื้อและแวะร้านสะดวกซื้อ ซื้อน้ำ local มาลองกินดู + ลองไอศครีม Magnum รสชาติของที่นี่หวานคล้ายของไทยแต่แพงกว่า จัดแจงซื้อของอะไรเสร็จก็กลับเข้าโรงแรมพักผ่อนเตรียมเดินทางต่อพรุ่งนี้เช้า

04/10/18 Drop in São Paulo 
เช้านี้ตื่นเร็วหน่อย ออกจากโรงแรมประมาณ 5:30 เรียกแท็กซี่ไปสนามบินประมาณ 60 กว่า Real เผื่ปเวลาไว้ไปหาของกินที่สนามบินแทน (ที่โรงแรมนี้มีข้าวเช้าให้แต่พร้อมตอน 6:30 ซึ่งไม่ทัน) สุดท้ายเนื่องจากเช้ามากร้านเปิดอยู่ไม่เยอะเลยจบลงที่ McDonald ซักประมาณ 7:30 ก็เริ่มบินเดินทางไปยัง São Paulo ประมาณ 2 ชม. ก็มาถึงสนามบิน Terminal 2 แต่เนื่องจากเดี๋ยวต่อเครื่องไปตุรกีดึกวันนี้เลยไปหาจุดฝากกระเป๋าที่ Terminal 3 แทน (มีทางให้เดินแต่ขึ้น Shuffle Bus ได้ไกลมาก) ค่าฝากตู้ละ 40 Real กุญแจถ้าหายเสียค่าปรับ 150 Real!!! ถ้ามาเอาคืนหลังเที่ยงคืนถือว่าชาร์จเพิ่มอีกวัน ฝากเสร็จด้วยความไม่รู้เลยเดินกลับไป Terminal 2 ทั้งที่ตามจริงสามารถขึ้น Shuffle Bus จากตรงนั้นไปสถานีรถไฟได้เลย สถานนีรถไฟที่จะไปต่ออยู่ห่างจากสนามบินพอสมควรแม้จะชื่อว่า Aeroporto ก็ตาม ตอนดูใน Metro Map ในเน็ตจะยังไม่เห็นสาย Jade นี้เพราะเพิ่งเปิดใช้ไม่ได้ (เข้าใจว่าเพิ่งเปิดปี 2018 เพราะมีรูปเริ่มก่อสร้างฐานปี 2015 และพัฒนาการจนถึงปี 2018 ให้ดู) สายนี้จะเป็นรถ Train บนดิน ระยะห่างแต่ละสถานีไกลพอสมควรคล้ายกับ ARL บ้านเรา เป้าหมายของเราที่แรกคือ São Joaquim ซึ่งมีโบสถ์เก่าแก่ชื่อ Catedral Metrodista de São Paulo กับร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่แถบนั้นทั้งย่าน เลยตัดสินใจแวะไปดูโบสถ์ก่อนกินข้าวกลางวันที่นั่น โดยเราจะต่อรถตามนี้
Aeroporto -> Engenheiro Goalart ของ Jade Line
Engengeiro Goalart -> Brás ของ Saifra Line (Line 12 สีน้ำเงิน)
Brás -> Sé ของ Coral Line (Line 11 สีแดง) สังเกตปลายทางไป Palmeras Barra Funda
Sé -> São Joaquim ของ Azul Line (Line 1 สีน้ำเงิน) สังเกตปลายทางไป Jabaquara

จากนั้นพอขึ้นก็มาเดินย้อนขึ้นไปทางสถานี ประมาณ 300-400 เมตรจะเจอทั้งโบสถ์และโซนร้านอาหารญี่ปุ่น เลือกกินได้ตามชอบแต่แนะนำว่าพวกร้านราเมนจะเซฟสุด เพราะที่ไปลองกินข้าวหน้ามากุโรดิบ และก็พบว่านอกจากใส่ มากุโร่สับดิบ วาซาบิ ไข่ดิบแล้ว ยังให้นัตโตะด้วย!!! ซึ่ง....ไม่เข้ากัน ไม่เข้ากันอย่างมาก!!! TmT แถมอย่างแพง 70 Real ประมาณ 560 บาท Orz ส่วนราเมนถ้าสั่งแนะนำให้เป็นพวกมิโซะราเมน หรือ ชิโอะราเมน ถ้าโชยุราเมนจะเค็มโดดไป หรือจะลองพวกข้าวราดแกงกะหรี่ดูก็ได้นะ แต่ส่วนตัวไม่ทันได้ลองเพราะตอนย้อนกลับมา 5 โมงกว่าร้านปิดไปแล้ว เลยได้กินอีกร้านเป็นอาหารญี่ปุ่นสไตล์จีนไทเป คือพวกผักเขียงกลายเป็นถั่วงอกดองแทนพวกต้นหอม
 
มันแค่หน้าตาเหมือนราเมน!
เรือดูหรูแต่รสชาติเราว่าไม่น่าได้ -0-
หึหึ จะร้องไห้ ให้อารมณ์เจอของก็อปที่หน้าตาเหมือนอย่างเดียวอ่ะ
ข้าวหน้ามากุโร่สับที่มีนัตโตะใส่มาด้วยพร้อมไข่ดิบ รสชาติปลาฉันหายหมด TT

หลังจากกินเสร็จเนื่องจากอากาศเย็นกำลังดีใส่เสื้อกันหนาวหรือกันลมตัวเดียวก็อยู่เลยตัดสินใจเดินเล่นไปเรื่อย ๆ ไปทางสถานี ซึ่งมีโบสถ์ Catedral da Sé ซึ่งเป็นโบสถ์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง พอทัศนา ถ่ายรูปเสร็จ ก็ออกไปเดินเล่นย่านคนเดินทางฝั่งซ้ายของโบสถ์เรื่อย ๆ จะมี shopping mall อยู่ให้พอเดินเล่นดูอาหาร ข้าวของได้บ้าง มีพวกร้านช็อคโกแลตแต่นอกจาก Soft Cream พวกช็อคโกแลตชิมแล้วหวานเกินไปหน่อยเลยไม่ซื้อกลับมา พอเดินเรื่อย ๆ จนถึงเย็นว่าจะกลับไปกินร้านอาหารญี่ปุ่นแต่ก็ปิดตามที่ว่าสุดท้ายเลยกลับสนามบินด้วย Route เดิม แต่พอช่วง 6 โมงเย็นที่สถานี คนแน่นมาก ๆ มากเกินกว่าที่คาดไว้ คือ ต้องรอประมาณ 10 ขบวนได้กว่าจะได้ขึ้น
ส่วน Route และปลายทางตามนี้
 
ภายใน Catedral da Sé
ภายใน Catedral da Sé
ภายใน Catedral da Sé
ภายใน Catedral da Sé
ภายใน Catedral da Sé
Catedral da Sé

สมเป็นเมืองคนออฟฟิศ

São Joaquim -> Sé  ของ Azul Line (Line 1 สีน้ำเงิน) สังเกตปลายทางไป Tucuruvi
Sé -> Brás ของ Vermelha (Line 3 สีแดง) สังเกตปลายทางไป Corinthlans
Brás -> Engengeiro Goalart ของ Saifra Line (สีน้ำเงิน) สังเกตปลายทาง Calmon Vlanda (ตรงนี้ต้องระวังอย่าไปสายสีแดงเพราะจะไม่ผ่านสถานีที่จะต่อไปสนามบิน
Engenheiro Goalart -> Aeroporto ของ Jade Line


สำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วยรถไฟนั้นราคาเดียวตลอดสายที่ 4 Real ต่อคนไม่ว่าลงป้ายไหน ตอนซื้อตั๋วที่ Ticket Office บอกแค่จำนวนคนก็พอ ระวังบางทีอาจมีพวกดักขายตั๋วราคาต่ำกว่าที่ 2 Real ซึ่งเห็นมีคนซื้อแต่ก็ไม่รู้ว่าเอามาจากไหนแล้วใช้ได้หมดไหม ส่วนการใช้หลังจลกสอดตั๋วเข้าไปไม่ต้องรอรับตั๋ว หลังจากนั้นจะออกก็แค่ผ่านจุด Saida (Exit) เท่านั้น ถึงจะต้องซื้อตั๋วใหม่ถ้ายังอยู่ในระบบจะไปไหนก็ได้
ชั่วโมงเร่งด่วนคนเยอะมาก
แน่นเอี๊ยดดดดดด
พอกลับมาถึงสนามบินก็นั่ง Shuffle Bus ไป Terminal 3 เอากระเป๋าที่ฝากไว้เข้า Gate เห็นร้านถั่วเคลือบน้ำตาลดูน่าซื้อเลยจัดมาเป็นของฝากซะ มีอ่านในเว็บแนะนำเวเฟอร์ Biss แต่ชิมแล้วรสชาติไม่ต่างกับปักกิ่งบ้านเราเลยปล่อยไป รอขึ้นเครื่องตอนตี 2 กว่าเพื่อเดินทางไปยัง Istanbul, Turkey เป็นอันจบวัน

05/10/10 Take a rest in Istanbul
สำหรับวันนี้คือวันเดินทาง+พักผ่อนโดยแท้ โดยเริ่มมื้อเช้าบนเครื่องบินเป็นออมเล็ต เห็ดฟาง ตอนตี 4 ครึ่ง ตามมาด้วย ข้าวกลางวันจองเป็นข้าวสตูว์เนื้อไว้ตอนบ่ายโมง ก่อนนอนยาว ดูหนัง พักผ่อนตามอัธยาศัยมาถึงที่ตุรกีอีกทีประมาณ 3 ทุ่มครึ่งตุรกี (บ่าย 3 ครึ่งของบราซิล รวมเดินทางประมาณ 13 ชม. กว่า ไม่รวมดิฟจากการข้ามเขตเวลาอีก 6 ชม.) พอมาถึงก็ไปรอขึ้นรถที่ป้าย Shuffle Bus ของโรงแรม Elite World Business Hotel ที่จองโรงแรมนี้เพราะอยู่ใกล้กับสนามบิน มีข้าวเช้าและรถรับ-ส่งฟรี ตามเวลา รอขึ้นรอบ 22:30 แล้วก็จัดการเช็คอิน ข้าวเย็นลองนิชชินบราซิลที่หนุ่มอินเดียให้มาเป็นรสไก่เผ็ด ๆ น้ำซุปแซ่บแบบอ่อน ๆ กำลังดี จากนั้นก็อาบน้ำ นอนพักผ่อนตามอัธยาศัย จบไปอีกวัน
คนอังกฤษให้มาตอนอะเมซอน รสชาติอร่อยดี
ที่พักดี ๆ ที่แสนคิดถึง
ที่พักดี ๆ ที่แสนคิดถึง

06/10/18 Come back to Phuket, Thailand
กว่าจะตื่นไป ๆ มา ๆ ก็ 9 โมง ทำอะไรเสร็จลงมากินข้าวก็ 9:30 กับข้าวหลากหลายดีและแน่นอนใครเป็นสายชีสนี่รักตายเลย อุดมไปด้วยชีสนานาชนิดให้ได้ลิ้มลอง มีผลฟิกตุรกีให้กิน ส่วนที่อร่อยที่สุดขอให้กับโยเกิร์ตรสชาตินุ่มละมุนลิ้นมาก ๆ 😍
 
อาหารเช้าอลังมาก
อาหารเช้าอลังมาก
อาหารเช้าอลังมาก



พอ 10:00 ก็ขึ้นรถไปส่งสนามบิน จัดแจงดูของฝากอะไรเสร็จก็กินข้าวอีกทีก่อนขึ้นเครื่องตอนเที่ยง มื้อนี้จัดไก่ทอดถังของ Pop Eye ไก่นุ่มกรอบดี ส่วนเฟรนส์ฟรายกับขนมปังที่มีมาด้วย...ช่างมันเถอะ ถ้าจะซื้อน้ำเปล่าเพิ่มที่นี่ไปซื้อตามตู้กดจะถูกกว่าที่ 3.5 รีลา แต่ถ้าซื้อใน Food Court พุ่งไปถึง 8 รีลา กินข้าวเลร็จก็ไปรอขึ้นเครื่องรอบ 14:25 เพื่อกลับภูเก็ต

สำหรับของว่างของ Turkish Airline จะเป็นถั่วลิสง น้ำที่มีพิเศษได้แก่ Sour Cherry กับ Homemade Lemonade with fresh mint
Homemade Lemonade
เวลาประมาณ 16:30 ก็เริ่มเสิร์ฟอาหารชุดแรกมีให้เลือกระหว่าง Minced Beef กับ Pasta พวก Side Dish เป็นมันบด สลัดน้ำมันโอลีฟ มูสกาแฟ ลืมบอกสำหรับพวกน้ำใครชอบน้ำผลไม้เย็น ๆ ขอ with ice ได้นะ รสชาติจะเย็นชื่นใจขึ้นเยอะ จากนั้นก็ดูหนัง อ่านหนังสือ นอนหลับพักผ่อนจนแลนดิ้งอย่างปลอดภัยที่ภูเก็ต ในเช้าวันที่ 07/10/18 แล้วรอต่อเครื่องกลับกรุงเทพมหานครเป็นอันจบทริปในครั้งนี้
Minced Beef กับ Pasta


Brazil Trip 2018: เมื่อเด็กกรุงอยากเข้าป่าอะเมซอน (Part II: Amazonas ปิรันย่าจ๋าข้ามาแล้ว)


30/09/18 To South America, Brazil, São Paulo
ตื่นมาทำอะไรเสร็จ เช็คเอาท์พร้อมกินข้าว ชอบมื้อเช้าที่นี่ตรงมีทั้งซีเรียล สลัด และชีสหลากหลายแบบมาก ๆ (คอชีสอย่างฟิน 😍) พอ 7:00 นิด ๆ ก็ออกไปขึ้นรถกลับไปสนามบิน ไปขึ้นเครื่องสู่ เซา เปาโล รอบ 9:40 สู่สนามบิน Governador
 
ของแต่ละอย่างอร่อยโฮก
วิวยามรุ่งอรุณ
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยคุณ Turkish



หลังจากขึ้นเครื่อง ประมาณ 11:30 มื้อกลางวันก็มาเสิร์ฟ เป็นปลาเนื้อขาวห่อกระดาษอบกับผัก (เรียกไม่ถูก 😅) ก็โอเคดี แต่แอบกินยากนิดหน่อยตรงกระดาษสีขาว เผลอเคี้ยวไปนิด 😂 พวกไซด์เป็นสลัด ขนมปัง กับ พุดดิ้งมะม่วง อันนี้ชอบมาก หอม อร่อยดี
 
เมนูอาหาร
โฮมเมดเลมอนเนดเค้าสดชื่นมาก คือไม่สั่งตอนขึ้นเครื่องตอนหลังหมดอดกินอ่ะ
วิวสวย ๆ จ้า เมืองเป้นระเบียบดีจัง
มื้อกลางวัน ชอบพุดดิ้งมาก



จากนั้นก็เข้าลูปเดิมนั่ง ๆ นอน ๆ อ่านหนังสือ ดูหนัง เข้าห้องน้ำ หิวก็ไปขอขนมปัง กับ น้ำกินเพิ่ม จนมาถึงช่วง 2 ทุ่มตุรกี ก็ได้เวลา Dinner มื้อนี้เป็น Grilled Fillet of Salmon 😍 แซลมอนย่าง กับ ผัก และมันบดอย่างหอม นวล อร่อย พวกไซด์เป็นถั่วแระฝรั่งเศสในน้ำมันมะกอก ของหวานเป็น Chocolate Mousse ท็อปด้วย Caramelized fig นี่ก็อร่อย ชอบ ๆ ไม่หวานไป ตบท้ายด้วยชาร้อน ๆ ดูหนังเพลิน ๆ ต่อ จนในที่สุด ประมาณ 23:30 ตุรกี (17:30 บราซิล ดิฟกัน -6 ชม.) ก็มาถึงสนามบิน ออกมา ผ่าน ตม. แลกตังค์ ทำไรเสร็จก็ 6 โมงครึ่งได้ Rate ที่นี่แย่มาก 100 USD ควรจะได้ 400 Real ปรากฏนอกจาก Rate แย่ยังถูกหักค่าภาษีไรอีก ไป ๆ มา ๆ เหลือ 300 Real แค่แลกตังค์ก็เสียไปแล้ว 800 กว่าบาท TT

จากนั้นก็รอขึ้นเครื่องต่อไปยัง Manaus Airport, Amazonas ตอน 21:20 ด้วยสารการบิน LATAM
(มีเน็ตฟรีให้ใช้ได้ 1 ชม. x 2 ครั้ง)
 
LATAM Airline
01/10/18 Adventure in Amazon
เดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง ก็มาถึงสนามบิน Manaus เป็นการเดินทางที่หนาวที่สุด คือ แอร์เปิดเย็นมากจนต้องเอาเสื้อกันหนาวมาใส่ (ก็ยังนอนสั่นอยู่ดี) เสร็จแล้วก็ออกมา นอนรอ หาของกิน ล้างหน้า แปรงฟัน เปลี่ยนชุด (มีเน็ตฟรีให้ใช้ 1 ชม.) เตรียมไปป่าอะเมซอนตอน 7 โมง
 
บรรยากาศตอนมาถึง ร้านเริ่มจะปิดหมดละ
อาหารประจำบ้านเค้า ข้าว มันฝรั่งทอด ถั่วต้ม แป้งทั้งนั้น!
นอนรอจนเช้าเอาจนพนักงานทำความสะอาดมองกดดันอ่ะ
นั่งรอ รอแบบ เฮ้ย ไม่เห็นมารับตามเวลาเลย

หลังจากออกมาก็มีคนทารับพาไปป่าอะเมซอน โดยจะเข้าไปเก็บของที่พักก่อนแล้วค่อยออกเดินทางตามทริป

เดินทางไปยังป่าอะเมซอน
รถมา 7:20 ตอนแรกแอบหวั่น จะมารับป่ะหว๊า สนามบินอย่างเงียบเลย พอมารับก็ไปรอคนร่วมทัวร์มาสมทบที่โรงแรม ได้ออกจริง ๆ ก็ 8 โมงกว่า เค้าบอกใช้เวลา 1:15 ชม. ไปหมู่บ้านเล็ก ๆ ก่อนนั่งเรือต่อไปยัง Lodge ค่าใช้จ่าย 300 USD (หัวละ 150 USD)

ครั้งนี้มีคู่ ชาย หญิง ชาวเยอรมันร่วมทริปด้วย
รถพาแวะ 2 จุด จุดแรกมีของชำขาย ส่วนอีกจุดเป็นร้านละดวกซื้อ ที่มีให้ซื้อก็พวกน้ำขวดล่ะ เพื่อเอาไปกรอกน้ำแร่ที่พักตอนไปเดินป่า

ตลอด Local
อารมณ์ตลาดนัดแต่ดูเงียบเหงามาก คือ ชนบทเลย

บ้านเรารสชาติดีกว่าแยะ
น้ำอัดลมนี่เซฟสุดแล้ว
เค้าบอกว่าช่วง High Season คนเยอะนะ แต่นี่ร้างเลย
หืมมม พาเราไปถึงใช่ไม๊ จะโดนอะไรงาบไปก่อนไม๊
ค่อย ๆ เคลื่อนตัวออก
กลับหลังไมไ่ด้แล้ว หันไปทางไหนก็มีแต่ป่าและแม่น้ำ(?) ใหญ่ไปที่จะเรียกว่าแค่แม่น้ำอ่ะเอาจริง
ห้องนอนดูร้าย ๆ แต่มีแอร์ มีห้องน้ำก็พอแล้ว
ห้องน้ำมีแยกพื้นที่แห้ง-เปียยกนะเอ้อ
เวิ้งว้าง



หลังจากถึงหมู่บ้านประมาณ 9:40 ก็นั่งเรือต่ออีกประมาณ 20-30 นาทีก็มาถึงที่พัก ครั้งนี้ใช้บริการของ Anaconda Lodge สำหรับที่พักมีแอร์ มีเตียง ห้องน้ำไนตัวก็โอเคนะ แต่จะเหมือนพวกเขื่อนคือกลางวันไม่เปิดไฟ ก็เก็บของปล่อยชิล นอนเล่น จิ๊กล้วย ส้ม มะม่วงหิมพานต์กิน รอจนถึงเที่ยงก็ได้เวลาอาหารกลางวัน 
 
มะม่วงหิมพานต์ใหญ่และสดมาก
นอนรอแดดร่ม
ออกเคลื่อนตัวได่้
เอาจริงไม่รู้จะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์บ้างเลยนะ



มื้อกลางวันมีไก่ย่างทั้งตัว รสชาติแห้งบ้าง แฉขบ้างจ้า กินได้แหละ มีข้าวผัดกับสปาเก็ตตี้ มีแครอท บีทรูท ต้ม ที่สด อร่อยมาก ไข่ต้มก็ทั่วไป ผลไม้มีแตงโม กล้วย ส้ม กินเสร็จก็ปล่อยชิลต่อ ช่วงกลางวันอยู่ ๆ ก็มีแขกโผล่มาให้พรึ่บ แบบนี่อยู่ในห้องกันมาตลอดหรอ 🤔 แต่ตามจริงแค่กลับมาจากที่ไหนซักแห่งแหละ หลังจากทานมื้อกลางวันเสร็จก็พักผ่อน รอให้แดดร่ม ๆ หน่อย ประมาณบ่าย 3 ครึ่งค่อยออกไปสองสัตว์ ตกปลาปิรันย่า กับ ดูจระเข้

ก็ค่อย ๆ เริ่มนั่งล่องเรือออกไป จุดนี้เรือไม่มีร่มให้ควรเอาหมวกไปด้วยกับอย่าลืมยากันยุงเพราะจะอยู่ถึงพระอาทิตย์ตกดิน ยุงเริ่มจะมา

ล่องไปได้ซักครึ่ง ชม. ก็เจอฝูงลิงออกหากินบนต้นไม้ใหญ่ เป็นลิงพันธุ์ตัวเล็ก ๆ สีสันสดสันหน่อย ๆ แอบคล้ายค่างห้าสี ดู ๆ ไปสักพักก็ค่อยเดินทางไปตกปลาปิรันย่าต่อที่แหล่ง ห่างไปไม่ไกลกันมากซักครึ่ง ชม.ได้ ก็นั่งตกกันตั้งแต่ 4 โมง ยัน 5 โมงครึ่ง มีพยายามเปลี่ยนจุดด้วยนะ โดยวิธีตกจะใช้เบ็ดไม้ไผ่เกี่ยวตะขอโดยใช้เหยื่อเป็นเนื้อไก่สด หย่อนเบ็ดลงไปลึก ๆ หน่อย พอกระตุกก็ดูจังหวะค่อย ๆ ดึง สรุปบรรยายไปมีแค่พี่ร่วมทริปตกได้ 1 ตัว กับไกด์ท้องถิ่นตกโชว์ให้ดูได้อีก 2 ตัว เจอพันธุ์ท้องแดงที่ว่าดุ ๆ ตกยาก ตัวหนึ่งพอดี เลยจับมาถ่ายรูปซะ 🤣 เห็นเค้าบอกว่าเนื้อรสชาติอร่อยแต่ก็ไม่มีโอกาสได้กินอ่านะ เค้าพามาตกแล้วก็ปล่อย



เดอะ ปิรันย่า
ดูฟันอันแหลมคมนั้นสิเธอ
อาทิตย์ตกดินแล้ว



หลังจากนั้นก็นั่งเรือไปต่อยังจุดดูจระเข้อัลลิเกเตอร์ เป็นจระเข้หางแบนพันธุ์ตัวไม่ใหญ่ ซัก 40 นาทีก็มาถึงแหล่งคล้าย ๆ แอ่งน้ำตื้น ตอนแรก ๆ ส่องไฟเจอดวงตาด้วย ชัดเจนมากน่าจะเป็นตัวเต็มวัย ซักพักหนึ่งไกด์ก็ค่อย ๆ พายเรือเงียบ ๆ เข้าไปจับเบบี๋สาวน้อยมาให้ดูตัวหนึ่ง น่ารักดีตาดูบ้องแบ๊ว ใส ๆ จับเบา ๆ มีดิ้นบ้างเล็กน้อย ตัวนุ่ม ๆ (คร่าวนี้เล่นมุกว่าอร่อยไม๊ ไกด์บอกปล่อยมันไปเถอะ 😂) จากนั้นก็นั่งเรือกลับที่พักใช้เวลาประมาณครึ่ง ชม. ขากลับข้างกำแพงห้องเจอลูกแมงมุมทารันทูล่าด้วย ตัวบักเข่งเลยนี่ขนาดแค่ลูกนะ 

 
นู๋อัลลิเกเตอร์ตัวน้อย น่ารัก ><
ทารันทูล่าป่าของของจริง!


กลับมาก็ล้างหน้าล้างตา พักผ่อน รอมื้อเย็นตอนทุ่มนึง ที่นี่ไฟฟ้าเปิดให้ใช้ 6 โมงเย็นถึง 6 โมงเช้า มื้อเย็นวันนี้เป็นสปาเก็ตตี้กับเนื้อบด ซึ่งรสชาติโคตรเค็ม -...-“ แต่ก็กินได้แหละ ผลไม้นอกจากส้มกับกล้วยยืนพื้นก็มีสับปะรด ซึ่งเนื้อฉ่ำดีนะแต่รสชาติติดทางจืดหน่อย ไร้ความเปรี้ยวไว้กินดับกระหายอย่างเดียว หลังทานข้าวเสร็จก็กลับมาอาบน้ำพักผ่อนเตรียมลุยป่าวันพรุ่งนี้ต่อไป
เค็มจ้าาาาา
น้ำอัดลมประจำชาติบ้านเค้า
02/10/18 Jungle Trip and Go to Rio De Janeiro
จากที่เจ้ชาวเยอรมันที่มาด้วยถามหาว่าไม่มีดู Pink Dolphin หรอ เพราะเมื่อวานมัวแต่ตกปลาปิรันย่ากันเวลาเลยไม่พอ วันนี้เลยเปลี่ยนจากเดินป่าเป็นไปเยี่ยมชนเผ่าพื้นเมืองและไปว่ายน้ำกับโลมาสีชมพูแทน 

มื้อเช้าตอน 7 โมง เป็น ไข่ขน ผัดไส้กรอก มีกาแฟ โอวัลติน น้ำร้อน ผลไม้เป็นแตงโม กล้วย ส้ม
มี Tropical Drink เป็นน้ำมะม่วงหิมพานต์กับน้ำฝรั่งชมพู แล้วก็มีต๊อปปิยอก้า อารมณ์เป็นแป้งส่วนไส้ตรงกลางคล้าย ๆ ชีส แป้งจะเหนียว ๆ หน่อย ส่วนไส้ตรงกลางก็เค็ม ๆ อ่อน ๆ

หลังกินข้าวเสร็จ 8:30 ก็เริ่มเดินทางไปหาชนเผ่าพื้นเมือง ก่อนจะไปพี่อังกฤษเชื้อสายอินเดียให้นิชชินมา เพราะบอกรสชาติไม่ถูกปาก นี่แอบสงสัยว่ารสชาติจะเป็นไง เผ็ดไหม เห็นมีรูปพริก ไว้ลองละจะมาอัพเดทอีกที ระหว่างล่องเรือป๊ะกับโลมาสีเทา ซึ่งจะม่องใกล้ ๆ ยากหน่อย ค่อยข้างขี้อาย ซักครึ่ง ชม. ก็เดินทางมาถึง มาถึงปุ๊บมีนกมาต้อนรับทำรังอยู่ข้างบนสีสันสวยงามเหลืองตัดฟ้าอยู่กันเป็นคู่ พอมาถึงปุ๊บ Fabio ก็พาเดินดูต้นไม้พร้อมอธิบายว่าอะไรใช้ทำอะไรบ้าง ใช้บูชาเทพบ้าง ใช้ทาแต้มสี เป็นยาบ้าง สำหรับเทพที่ชนเผ่าบูชามีพระอาทิตย์ พระจันทร์ โลมา และอนาคอนด้า ส่วนปิรันย่าการพกฟันไว้ถือว่าไช้คุ้มครองปกป้องเพราะมันกินทุกอย่างไม่เลือก หลังจากอธิบายเลร็จก็พาไปเดินดูซุ่มอาหาร ชาวบ้านกำลังเผาปลาดุกกับปลากระเบนอยู่พอดี ตัวอย่างเบิ้ม แต่เสียดายไม่มีโอกาสได้ชิม

ชักภาพร่วมกับชนเผ่า
ถัดมาเป็นพวกอาหารแห้งมีแป้งที่กินเมื่อเช้า ปลาปิราควีนหยอง มดคั่วแห้ง ๆ มัน ๆ อร่อยดี สุดท้ายคล้าย ๆ ชีสหรือข้ทวคั่วแห้ง ๆ แข็ง ๆ ไม่มีรสชาติ
จากนั้นก็พามาเดินดูของฝากที่น่าสนใจคือหน้ากากที่ประกอบด้วยฟันปลาปิรันย่ากับเกล็ดอนาคอนด้าแต่วาคาก็แพงไป 130 Real เลยซื้อแค่กำไลข้อมือพอ จากนั้นชนเผ่าก็จะแสดงการแสดงพื้นเมืองต่าง ๆ จนเซ็ตสุดท้ายจะมาชวนให้เราเต้นด้วยรอบ ๆ หมู่บ้าน เสร็จปุ๊บก็ให้ทิปกันไป หลังจากนั้นก็กลับออกมาไปส่งที่เล่นกับโลมาสีชมพู โดยจะเป็นจุดเล่นที่มีทุ่นกันพวกปิรันย่าไรไว้ เราก็จะเปลี่ยนชุดว่ายน้ำใส่ชูชีพลงน้ำไปจะมีคนให้ปลาล่อโลมามา พวกโลมาที่หิวปลาก็จะว่ายมาหาตอนดูในน้ำสะท้อนเป็นสีชมพูอร่าม แต่พอโผล่ขึ้นมาก็ไม่ได้ชมพูเท่าไรนะ ตัวจะนุ่ม ๆ ลื่น ๆ หน่อย ที่เห็นมีรอยต่าง ๆ คือเป็นรอยต่อสู้กันเองบ้าง สู้กับอย่างอื่นบ้าง หลังจากให้อาหารปลาหมดก็อันตรธานจากไป เล่นน้าสักพักก็ขึ้นมาซื้อน้ำกิน ลองน้ำมะพร้าวของที่นี่ก็คิดว่าของเราแหละเด็ดสุดละ 😂 ส่วนตัวเนื้อให้พี่เยอรมันแกไปเฉาะกินตามสบายเลย
Pink Dolphin
จากนั้นก็กลับมา อาบน้ำ รอกินข้าวเที่ยงตอน 12:30 มื้อเที่ยงวันนี้เป็นปลาย่าง 2.พันธุ์ คือ 
tucunare กับ tambaqui รสชาติก็ปลาน่ะแหละ ย่างมาหอม ๆ อร่อยดี แล้วก็มีพวกข้าวกับสปาเก็ตตี้ซอสถั่ว แครอท บีทรูท มัน และไข่ต้ม 
หลังกินเสร็จก็แลกคอนแทคกับพี่ชาวเยอรมันกับหนุ่มอินเดียในลอนดอน จากนั้นก็กลับมาเก็บของ
 
ปลาย่างก็กินได้
ประมาณบ่าย 2 ก็กลับไปสนามบิน ส่วนหนึ่งมีเดินทางเข้าเมืองไปเที่ยวต่อ มีพวกเรา 2 คน กับ แหม่มเยอรมันอีก 2 คนไปสนามบิน ของเราเตรียมไปริโอ ส่วนอีก 2 แหม่ม เตรียมไปทางตอนเหนือของบราซิลต่อ เดินทางกลับเข้าฝั่งครึ่ง ชม. + นั่งรถไปสนามบินอีก ชม. ประมาณ. บ่าย 3 โมงครึ่งก็มาถึงซึ่งด้วยความที่ว่ากว่าจะบินอีกทีตี 1 กว่า มองหาร้านข้าว+ที่พัก ไป ๆ มา ๆ ก็เจอว่า เฮ้ย มี Accommodation ด้วยนะ  เลยตัดสินใจไปมองหาราคา ด้วยความที่เค้าพูดอังกฤษไม่ได้ก็ภาษามือกับอากู๋บ้าง สุดท้ายพาไปดูห้อง เลยเลือกใช้บริการแบบห้องพักรวม+wifi เป็นที่นั่งเบาะนุ่ม ๆ มีตมอน ผ้าห่ม มีน้ำเปล่า เยลลี่แท่ง กับ ห้องน้ำให้อาบได้ เลยเลือกใช้บริการแบบ 6 ชม. ราคา 90 Real
 
เรือขากลับ กลับกันเยอะเรือใหญ่ไม่กลัวเมา XD
เอาจริงมีใช้กันนอยู่แค่ 2 คน กินเยลลี่กะนน้ำเพลินอ่ะ ราคาโอเค เน็ตแรง นอนสบาย



ก็นั่งเล่น นอนเล่นกันไป พอถึงเวลาใกล้ ๆ ก็ไปอาบน้ำ ซัก 4 ทุ่มกว่าก็ออกมาไปหาข้าวกิน สุดท้ายจบที่ Subway นี่ก็พูดอังกฤษไม่ได้ ชี้ของ ชี้ราคากันไป แอบแปลกใจที่น้ำอัดลมไม่มีน้ำแข็งให้แต่ตัวน้ำก็เย็นดี เลยรู้สึกว่าได้เยอะ 😅

จากนั้นก็รอขึ้นเครื่องของสายการบิน GOL ไปริโอ สภาพหน้าตาด้านในแบบพวกนกแอร์เป๊ะ เป็นอันจบทริปอะเมซอนไนวันนี้ลง