2nd Day
(13/04/2014) : ตื่นตี 5 ครึ่ง(อีกแล้ว) เพื่อไปชมทินกรขึ้นขอบฟ้า ณ นครวัด
“Watch
and then die” วลีสุดฮิต ที่มาแล้วต้องได้ยิน สำหรับผมแล้วจะว่าสมเหตุสมผลก็ใช่
หรือจะไม่ก็ได้ (จะเอาไงแน่ 555+) คือสำหรับตัวผมถามว่ายิ่งใหญ่หรือไม่
ต้องตอบเลยว่าใช่ (ไม่งั้นจะได้ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกเรอะ)
แต่ดูๆแล้วไม่ถึงขนาดที่ผมจะตายอย่างสงบ เพราะยังมีอีกหลายอย่างที่อยากไปสัมผัส
อยากไปเห็นอีกมากมายนั่นเองครับ
เริ่มมาถึงเวลาตี
5 ครึ่ง พร้อมเพรียงกันหน้าโรงแรม ปรากฏว่าผ่านไป 15 นาที ตุ๊กๆอีกคันไม่มา
เลยต้องตามอีกคันให้มารับแทน (เริ่มหวั่นตูจะไปทันไม๊?!?)
ก็นั่งไปเรื่อยๆตามทาง จนผ่านด่านครับ
เค้าก็จะให้นักท่องเที่ยวจ่ายค่าเข้าชมพร้อมทำบัตร 1-day pass ราคาค่าเข้าชมอยู่ที่
20 USD ต่อวัน ครับ จ่ายเงินพร้อมทำบัตรถ่ายรูป เสียเวลาพอสมควรตอนรอบัตร
 |
One Day Ticket |
เสร็จแล้วก็เดินทางต่อไปยังนครวัดครับ ท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้ว
ถ่ายตอนเช้ามืดไม่ทันแล้ว ได้แต่ภาพตอนพระอาทิตย์เลยขึ้นฟ้ามาดังภาพครับ
(ฝีมือได้แค่นี้ล่ะครับ ที่ไม่มีแล้วด้วย โดนจองจนหมด orz
)
แต่ยังดีที่มาช่วงสงกรานต์เลยได้ชมพิธีอะไรซักอย่าง
มีแต่งชุดเป็นนางอัปสราด้วยครับ ที่นี่ตุ๊กๆ ให้เวลาถึง 7.30 ครับ
หลังจากที่ชมทั่วทั้งนครวัดแล้วก็เดินออกมายังจุดนัดพบครับ
 |
ฟ้าเริ่มสางแล้ว |
 |
จุดที่ทุกคนรอถ่ายรูป ฝีมือได้แค่นี้แหละ =w="
 |
สภาพปราสาทภายใน |
 |
บรรยากาศภายในปราสาทนครวัด |
|
 |
นครวัดด้านหลัง |
 |
พิธีกรรมในวันสงกรานต์ของกัมพูชา |
เพื่อเดินทางไปยังร้านอาหารใกล้ๆ ราคาค่อนข้างเอาเรื่อง รสชาติโอเคครับ
แต่เป็นพวกสไตล์ฝรั่ง ขนมปังเสียส่วนใหญ่ ยังดีที่มีก๊วยเตี๋ยวครับ
จากนั้นก็เดินทางต่อไปยังปราสาทบายนศรีในนครธมครับ ค่อนข้างสวยงามมีจุดให้ถ่ายรูปเยอะ
(คนก็เยอะ)
 |
ปราสาทบายนศรี ใหญ่มาก!! เหนื่อยโฮก |
จากนั้นก็แวะไปยังปราสาทเล็กๆใกล้ๆ ปราสาทตาแก้วครับ
ไม่ค่อยมีอะไรมากเท่าไรนัก จากนั้นจึงเดินทางต่อไปยังปราสาทตาพรหมหรือที่รู้จักกันในชื่อปราสาท
Tomb Rider
นั้นเองครับ ก่อนเข้าปราสาทก็แวะซื้อน้ำกับผลไม้ก่อนสับปะรดที่นี้ลูกละ
20 บาทครับ ถือว่าราคาใช้ได้เลย หวานอร่อนด้วย ส่วนน้ำครับขายขวดปกติที่ 1 USD
ปรากฏเพื่อนผมตาดีเห็นใต้น้ำแข็งก้อนใหญ่มีขวดใหญ่อยู่
ถามว่าเท่าไร ปรากฏว่าขาย 1 USD
เท่ากันซะงั้นครับ
แน่นอนว่าพวกผมต้องซื้อขวดใหญ่อยู่แล้ว (คนขายก็ช่างคิดแบบซ่อนไว้นะ) สำหรับจุดขายของปราสาทนี้นอกจากเป็นสถานที่ที่ใช้ถ่ายทำหนังเรื่อง
Tomb Rider
แล้ว ยังมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นกลางปราสาท
พร้อมกับตรงรากไม้มีการแหวกช่องให้เห็นนางอัปสราได้ครับ (เค้าดูฮือฮา
แต่พวกผมเฉยๆครับ =_=
)
 |
เห็นนางอัปสรากันไหม? |
ที่นี้ค่อนข้างใหญ่และแปลกตากว่าจุดอื่นเพราะค่อนข้างร่มรื่นมีต้นไม้ขึ้นเยอะ
ดูดิบๆกว่าปราสาทอื่นๆ สุดท้ายพวกผมก็ออกผิดทาง (ปราสาทมีทางเข้า 3 ทางครับ)
ต้องเดินอ้อมกันไกลพอสมควร จากนั้นตุ๊กๆก็พาไปกินร้านอาหารที่ดีลกันไว้(อีกแล้ว)
แต่ที่นี้เพื่อนผมดูไม่ค่อยโอเค
อยากกินอาหารพื้นบ้านมากกว่าอาหารสไตล์แบบร้านอาหารฝรั่งทั่วไปจำพวกสเต็ก กอรปกับราคาที่ค่อนข้างแพง
5-6.5 USD
ก็เลยพูดว่าอยากไปกินที่อื่น
ที่นี้พอทางร้านเห็นว่าเหมือนจะเสียลูกค้าเลยบอกว่าเนื่องจากว่ามันเป็นวันปีใหม่
เราอยากให้ทุกคนมีความสุข You Happy, I Happy
เลยลดราคาเหลือ
4 USD
ทุกเมนูเลยครับ ก็เลยโอเคยอมกิน (ได้ลดซะงั้น ฮา)
 |
ปราสาทสุดท้ายของวัน |
หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ก็มุ่งหน้าต่อไปยังปราสาทสุดท้าย (จำชื่อไม่ได้จริงๆครับไม่แน่ใจว่าเป็น ปราสาท Banteay Kdei หรือ ปราสาท Kravan) ตุ๊กๆ
พาไปจอดเข้าทางด้านหลังแล้วบอกให้เดินออกทางด้านหน้าจะรออยู่ตรงนั้น
ระหว่างเดินเข้าปราสาทพบเจอเด็กตมขายโปสการ์ดครับตอนแรกบอก “1 USD”
แต่ผมบอกขาดตัว
20 บาท ถ้า 20 บาทซื้อเลยทันที เด็กก็ไม่ยอมบอก “30 บาท, 2 ชุด 60 บาท”
เอ่อ
มันลดตรงไหนฟะ จากนั้นก็ตื้อไปเรื่อยๆจนจะเข้าปราสาท
เด็กก็หน้าบึ้งปนผิดหวังหน่อยๆแล้วบอกว่า 20 บาทก็ได้ ก็เลยซื้อมาครับ
เป็นโปสการ์ด 10 ใบ ตกใบละ 2 บาท กำลังดีครับ หลังจากนั้นก็เดินชมปราสาทจนออกมาด้านหน้าครับ แล้วก็คุยกันกับตุ๊กๆว่าไม่อยากไปโตนเลสาบ แต่อยากไป Old Market แทน
เค้าก็แบบโอเคแล้วแต่พวกคุณ ก็ขับพาไปครับหย่อนผมที่จุดหนึ่งแล้วนัดพบกันอีกประมาณ
2 ชั่วโมง และความเข้าใจผิดที่ผมไม่รู้ก็คือ Old Market, Night Market, Pub
Street นั้นอยู่ใกล้กันหมดครับเดินกันได้ (ทีแรกนึกว่า Old Market มันอยู่ไกลออกไปอีก
แต่ตามจริงที่ไกลออกนะคือ Centre Market ครับ เป็นตลาดสดฝั่งชุมชน
มารู้ทีหลังว่าคนแถวนั้นจะเรียกว่า Old Market ครับ
คือชื่อซ้ำกันนั่นเอง สรุปเลยได้ไปที่ใกล้ๆตอนกลางคืนของวันแรก) ก็เดินชมของครับ
ตัวผมซื้อพวงกุญแจมาชุดหนึ่ง 6 พวง ราคา 2 USD กับอีก 10
บาท
ตอนแรกแม่ค้าบอก 5 USD ผมบอก 1 USD ปุ๊บ เพี๊ยะ!! โดนตีเข้าให้หนึ่งดอก
พร้อมสบถเป็นภาษาเขมร ละตามมาด้วยคำว่า ”ไม่ด๊ายยย!!” ส่วนเพื่อนผมจะซื้อกระเป๋าเป้ครับ
โดนแม่ค้าดราม่าไป บอกว่าเธอเป็นลูกค้าคนแรก เจอบอกมาเป็นสิบคนว่าขอเดินดูรอบๆก่อนแล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย(แหงสิ
ก็ร้านอื่นถูกกว่านี่หว่า) สุดท้ายก็ตกเป็นเหยื่อ กินหมูไปตัวนึงเต็มๆครับ (ฮา) หลังจากถูกสังเวยไปแล้วก็มีแว๊บกินน้ำปั่นกันเพื่อนผมสั่งกล้วยปั่น
มะนาวปั่น มะม่วงปั่น ส่วนผมชอบของแปลกเลยจัดกล้วยผสมมะม่วงหิมพานต์ปั่นครับ
ก็กล่มกล่อมดี เสร็แล้วก็เดินเข้าห้างตากแอร์เดินดูของเล็กน้อยรอเวลาแล้วก็กลับที่พัก
พร้อมกับนอนพักเอาแรงเพื่อเตรียมเดินทางไป Pub Street ต่อคืนนี้ครับ
เวลา 19.20 น.
ผมตื่นนอนขึ้นมาจากการปลุกของเพื่อนๆ ถ้าเป็นวันอื่นๆผมคงล้างหน้าแต่งตัวพร้อมออกไปต่อแล้วครับ
แต่ทว่าวันนี้ครับ 13/02/2014 เป็นวันที่สโมสรอันเป็นที่รักยิ่งของผม Liverpool
Football Club มีแข่งครับ แถมแข่งกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่กำลังคั่วแชมป์กันอยู่ด้วย
ผลแพ้ชนะนัดนี้จึงเป็นตัวกำหนดได้เลยว่าทีมของผมจะยังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์อยู่หรือไม่
ก็เลย.....ไหว้ ขอร้องพวกเพื่อนๆว่า อย่างน้อยก็ขอดูครึ่งแรกหน่อยแล้วกัน
แล้วค่อยเดินไปหาร้านที่มีฉายอีกที แต่...อนิจจา ตูข้าช่างอาภัพนัก ดูไปได้ 6
นาที....พรึ่บ!! ไฟดับ!! WTF!!! แถมดับนานพอสมควรด้วย แต่ที่แย่กว่านั้นคือ
พอไฟรอบๆโรงแรมติด ทั้งบ้านเรือน วัด ปั๊ม
ก็ติดแต่มีแค่โรงแรมหลังนี้หลังเดียวที่ไม่ติด orz สุดท้ายเลยต้องจำยอมเดินออกจากโรงแรมไปหาข้าวเย็นกิน
ยังดีที่ระหว่างเดินไป Pub Street เจอร้านนั่งดริงค์เปิดอยู่แล้วเดินผ่านตอนหงส์แดง
ลิเวอร์พูลยิงประตูขึ้นนำ 2-0 พอดี (แต่ยังไงก็ตามก็มารู้ทีหลังว่า
ก่อนไฟดับแค่ไม่กี่วินาทีหงส์แดงก็ยิงขึ้นนำ 1-0 อดดูลูกแรกแบบน่าเจ็บใจมาก orz)
สุดท้ายก็เดินไปถึง Pub Street ครับ เจอร้านที่มีจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่
ราคารับได้ แต่ปรากฏว่าที่นั่งดันไม่มี
แต่ๆๆผมมันเป็นพวกบ้าบอลเข้าสายเลือดจะไม่ดูก็ไม่ได้ ครึ่งหลังมาพอดี
เลยบอกกับทุกคนว่าจะกินก่อนก็ได้นะ แต่ทุกคนก็ใจดีครับบอกว่า เออ
เดี๋ยวเดินรอบๆแถวนี้ไปหาไรกินรองท้องก่อน บอลจบเดี๋ยวเจอกัน ผมก็เลยได้ดูยาวๆ มันส์ชนิดลืมหิวกันไปเลยทีเดียว
ผลสุดท้ายคือหงส์แดงชนะไปด้วยสกอร์ 3-2 ครับ
เอาล่ะ นอกเรื่องไปเยอะได้เวลากินอาหารเย็นกันแล้ว คืนนี้พวกผมตัดสินใจเดินย้อนกลับไปทางโรงแรมมีแว๊บกินน้ำปั่นข้างทาง
โดยที่ผมสั่งไปคือละมุดปั่นครับหวานดี หากินยากอยู่แม้แต่ที่นี่ จานั้นก็ไปหยุดกินข้าวเย็นที่ร้านข้างทางเอาครับ
ได้แก่ เนื้อกระทะ, Amok, Lok Lak, Cambodian Curry Noodle ตามลำดับในภาพเลยจ้า
 |
เนื้อกระทะ ใส่เนยด้วยหอมมาก >< |
 |
Amok อารมณ์แกง มีเนื้อปลา อร่อยดี |
 |
Lok Lak เนื้อ!!! อร่อยมาก กินกับน้ำจื้มคล้ายๆจิ้มแจ่วแต่มีเกลือด้วย |
 |
Cambodian Curry Noodle ชอบชามนี้มาก อร่อยสุดๆ |
ขอบอกเลยครับว่าราคาถูกกว่าแถมรสชาติอร่อยกว่าด้วยครับเมื่อเทียบกับร้านที่กินมาตอนเช้ากับกลางวัน
ค่อยรู้สึกว่าได้มาถึงกัมพูชาแล้วซักที จากนั้นก็ไม่มีอะไรครับ เดินทางกลับโรงแรม
พักผ่อนกันเตรียมพร้อมเข้าสู่การท่องเที่ยวในวันสุดท้ายครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น