วันพุธที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

Review Small Size : ร้านอาหาร นี้ดี need ดีจริงป่ะ?

เมื่อวันที่ 6/5/2014 ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสใช้บัตรอร่อย 5 บาท ที่ได้จากอร่อยช่อง 5 มา
ขอเกริ่นสักนิดให้ผู้สงสัยหายข้องใจว่า บัตรอร่อย 5 บาท มันคืออะไร ???

บัตรอร่อย 5 บาท เป็นบัตรที่ได้จากรายการ "อร่อยช่อง 5"
ได้มาจากการร่วมสนุกตอบคำถามท้ายรายการ เกี่ยวกับร้านอาหารที่ฉายในวันนั้นครับ
สมัยก่อนจะให้โทรไปหลังรายการจบ แล้วก็ตอบคำถาม หากตอบคำถามได้ถูกต้อง
ก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับ บัตรอร่อย 5 บาท มา สามารถนำมาใช้กับร้านค้าที่ออกอากาศได้
โดยในบัตรจะแสดง set menu ให้โดยปกติมีประมาณ 1-3 set เราสามารถเลือกมาได้ 1 set
โดยเสียค่าใช้จ่ายเพียง 5 บาท เท่านั้น!!!

แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าจะโทรติดได้ง่ายๆ บางครั้งต้องโทรนานถึง 2 ชม.เลยทีเดียว
(แน่นอนว่าเจ้าของบล็อกไม่ได้ทำ แต่เป็นคุณอาผู้สนน่ารักเป็นคนทำครับ)
แต่ๆๆ...น่าเสียดายที่ปัจจุบัน จะต้องส่ง sms ร่วมสนุกแทนทำให้โอกาสได้ลดน้อยลงไปเยอะ lol


สำหรับเซ็ทที่ได้จากอร่อย 5 บาท ในครั้งนี้ ได้แก่ ถุงทอง ข้าวหน้าไก่นี้ดี และ น้ำอัญชันมะนาว
(อีกเซ็ทจำไม่ได้ครับ มัวแต่กิน ฮาๆๆ)
และที่สั่งเพิ่ม ได้แก่ เปาะเปี๊ยะผักโขมแฮมชีส ข้าวผัดผงกะหรี่ปลาหมึก และ นมสดมัทฉะปั่น

เอาล่ะ พิมพ์เกริ่นมาตั้งเยอะมาดูบรรยากาศร้าน กับ หน้าตาอาหารกันเลยดีกว่า!!!
ถุงทอง หอมกรอบ รสชาติใช้ได้ (ตามจริงมี 7 ชิ้นนะ แต่พี่ฟาดไปแล้วชิ้นนึง 55+) 

เปาะเปี๊ยะผักโขม แฮมชีส อร่อยดี

ข้าวหน้าไก่นี้ดี ก็โอเค แต่ไมไ่ด้อร่อยแบบอะไรขนาดนั้นนะ 55+ 

เค้าใส่ดาวไว้ในเมนู กินแล้วก็โอเคฮะ แต่ราคาก็พอตัวอยู๋ 75 THB

น้ำอัญชัญมะนาว ดื่มแล้วชื่นใจแท้ สนนราคาที่ 20 THB

อร่อยยยยยย นมสดมัทฉะปั่น ราคา 65 หรือ 75 นี่ล่ะ จำไม่ได้แล้ว =w="


ส่วนตัว รสชาติใช้ได้ สำหรับร้านที่มีการตกแต่งในลักษณะนี้
รสชาติแบบนี้ก็ถือว่าโอเคอยู๋ไม่แพงเกินไป บรรยากาศโอเคเลย

แต่แอบรอนานไปนิดนึง แต่โอเค ตรงที่มีหนังสือหลากหลายประเภทให้อ่านฆ่าเวลา
ใครผ่านก็แว๊บไปชิมได้นะครับ >w<

Review : Backpack to Cambodia (Siem Reap – Angkor Wat – Angkor Thom) ตอนที่ 3



3rd  Day (14/04/2014) : ตื่นสาย ทำตัวสบาย ไปปั่นๆ รอบเสียมเรียบกัน!!!

                วันสุดท้ายของการเที่ยวมาถึงแล้ว!!! วันนี้ตื่นสบายๆ ประมาณ 8.30 ลงมารับประทานอาหารเช้าของโรงแรม เมนูที่มีก็พวกขนมปังกับ ไข่ดาว/ไข่เจียว/ไข่ต้ม/ไข่คน (หรือ ไข่ขยี้ แล้วแต่คนเรียก) แต่มีอยู่ 2 เมนูที่เขียนว่า Noodle กับ Fried Noodle ส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบทานขนมปังมากนักเลยลองสั่งดู ปรากฏว่ามันคือมาม่าบ้านเราดีๆนั่นเองครับเป็นมาม่าน้ำกับมาม่าผัด =___=” อืดแต่เช้าเลยทีเดียว จากนั้นก็กลับมานอนก่อนครับ(จะขี้เกียจไปไหน ฮาๆ) สายๆค่อยออกไปเช่าจักรยานมาขับเล่นกัน ตกคันละ 2 USD/day ครับ คืนรถก่อน 3 ทุ่ม ยืมกันมาทั้งหมด 3 คันครับ ผมซ้อนท้ายเพราะขับไม่แข็ง ขับเลียบถนนไม่ได้ แถมทางรถก็สลับกันบ้านเราด้วย (เศร้า orz) ก็เริ่มๆปั่นๆเลียบคลองไปครับ แล้วก็ข้ามฝั่งไปทางชุมชน เลาะออกนอกตัวเมือง 

Lucky Mall : มอลล์ของบ้านเค้า
Lucky Mall : ภาพด้านหน้า
พญานาคราช ณ สะพานข้ามคลอง
อารมณ์เหมือนทวารบาล แต่อยู่ทุกเสาของสะพานข้ามคลอง (เรียกไม่ถูก อย่าว่ากันเลยครับ)
ถามทางดูเทียบกับแผนที่ไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะไป Centre Market ซึ่งดีที่พวกผมเชื่อมั่นในแผนที่มากกว่าที่ชาวบ้านบอกครับ เพราะอย่างที่บอกไว้ครับว่า Centre Market ของเราคือ Old Market เค้า เพราะงั้นเวลาถามทางแนะนำว่าให้ชี้จุดในแผนที่ครับ อย่าเรียกชื่ออย่างเดียวเพราอาจเป็นคนละสถานที่กันได้ แต่อย่างไรก็ตาม แผนที่เองก็ไมได้เป๊ะขนาดนั้นครับ มีการตัดถนนใหม่บ้าง อาจจะมึนทางบ้างเล็กน้อย ระวังกันด้วยนะครับ หลังจากที่ปั่นๆคลำทางกันมา สุดท้ายก็มาถึงจนได้ครับ Centre Market 
Centre Market 
Centre Market 
 Centre Market เป็นแหล่งตลาดสดของชาวกัมพูชาในเสียมเรียบครับ ของกินที่ซื้อในพื้นที่นี้จัดว่าถูกมากครับ ถ้าเทียบกับในตัวเมืองเสียมเรียบ ร้านขนมปังข้างทางตกชิ้นละ 0.5 USD (2000 รีล) ขนมทอดกรอบต่างๆตกชิ้นละ 500 รีล (ส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบครับ หวานเกิน) แล้วก็นี่ครับ ที่ผมชอบมากที่สุดหน้าตาเหมือนขนมครกบ้านเราครับ แต่จะใส่แค่แผ้งและกะทิออกมันๆเค็มๆ ต้องกินกับน้ำราดของเค้าครับจะหวานๆ อร่อยดีราคาอยู่ที่ 5 คู่ ต่อ 1000 รีล ครับ 
ขนมหวาน หวานเกินไปนะ
คล้ายขนมครกบ้านเรา แต่ต้องจิ้มกับน้ำเชื่อมด้วย

ขนมปังบ้านเค้า ขายกันทั่ว แต่ละร้านเครื่องต่างกัน
น้ำอ้อยคั้นสดๆ เย็นชื่นใจแท้
ตลาดสด สดจริงๆ ไ่ต้องถามนะว่าจะเป็นไงต่อ
มาซื้อของที่นี่ไม่ต้องกลัวโดนโก่งราคาครับ เค้าพูดภาษาอังกฤษกันไม่ได้ ยกแบงค์รีลให้ดูอย่างเดียวเลยครับเวลาถามราคา (หรือจะใช้เครื่องคิดเลขโชว์ให้ดูก็ได้นะครับ สะดวกดี) หลังจากเดินดูซื้อของ กินข้าวแกงแถวนั้นกันเรียบร้อยแล้ว ก็ปั่นกลับที่พักกันครับมาถึงประมาณบ่าย 3 ได้ ก็นอนพักผ่อนเอาแรง เตรียมไปลุยต่อกันตอนกลางคืนแถว Pub Street ที่เดิมครับ หลังจากตื่นนอนมาก็ขับแวะไปกินร้านขนมหวานชื่อดังแถวนั้นครับบราวนี่เข้มข้นและหอมดี
สาเหตุที่มากินร้านขนมหวาน 50% off lol
ลืมชื่อฮะ แต่อร่อยฮะ
ครัวซองค์ช็อคโกแลต เข้มข้น หอมมมมม
บราวนี้ อร่อย เข้มข้นดีฮะ ><

 กินเสร็จก็ไปคืนจักรยานแล้วก็ไปกินร้านข้าวต้มแถวนั้นเพราะเห็นว่าคนเยอะ ผลคือรสชาติเฉยๆครับ ส่วนขาหมูก็อุดมไปด้วยหนังและไขมันเนื้อแทบไม่มี ดีอยู่แค่อย่างเดียวคือ ลอกแลกครับ ระหว่างที่จะเดินลุยกันต่อ เผอิ๊ญเผอิญ ผมเห็นร้านน้ำปั่นด้านหน้ามีผลอะโวคาโดอยู่ด้วย เลยสั่งไปนึกว่าจะราคา 1 USD เหมือนผลไม้ชนิดอื่น แต่ตอนจ่ายโดนบอกว่า 2.5 USD ช็อคครับ อึ้งแต่ก็จ่ายไป (ลืมถามราคาก่อน ไม่น่าเลย) รสชาติก็ดีครับ แต่ถูกกลบความอร่อยทางจิตใจไปด้วยราคา T__T  สำหรับน้ำปั่นที่นี่ส่วนใหญ่เค้าจะปั่นให้แบบข้มข้นเลยครับต่างกับบ้านเรา ทุกอย่างราคา 1 USD โดยปกติ แต่ไม่แนะนำให้สั่งร้านใกล้ๆ Pub Street เพราะว่าปั่นได้เจือจางมากครับ น้ำเยอะ(กว่าบ้านเราอีก) ไม่อร่อย หลังจากทนอาหารกันเสร็จก็ไปเดินช็อปปิ้งกันต่อที่ Night Market เดินต่อราคากันตามอัธยาศัยครับ หลังจากต่อราคาเป็น USD ได้เป็นที่น่าพอใจแล้วก็ลองถามดูนะครับว่าถ้าเป็นเงินบาทขายเท่าไร แล้วดูอัตราเค้ากันครับ ถ้าเรตโอเคพอหักเป็นเศษก็ขอปัดลดหน่อยๆได้อีกครับ ผมได้พวกกระเป๋าสตรีแบบเล็กๆมาราคาประมาณ 60-80 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดครับ หลังจากเดินกันจนหนำใจแล้วก็กลับที่พักเตรียมเดินทางกลับบ้านในวันรุ่งขึ้นครับ
ผักบุ้ง ข้างล่างคล้ายปลาทูต้มเค็ม
ขาหมู หรือ หนังหมู ?!?


4th  Day (14/04/2014) : กลับบ้านเรากันเถอะ (Let’s go back to the kingdom of Thailand)

                และแล้วก็มาถึงวันสุดท้ายครับ เก็บของเช็คเอาท์เรียบร้อย นัดแท็กซี่ไว้เวลา 10.30 ต่อราคาได้ที่ 40 USD ทุกอย่างเหมือนจะไปได้ดี ไม่มีปัญหาแต่แล้ว 10.30.......10.45......11.00 แท็กซี่ไปไหน? โทรไปตามไอ้ตุ๊กๆบ้านั่น บอกว่าอีกไม่นาน Coming soon รอไปอีก 10 นาที โทรไปตามบอกว่า Broke on the way, sorry……. FUUUUUUUUUUU!!!สรุปผมต้องหารถใหม่เอง ลองดีลกับทางโรงแรมดูบอกว่าเป็นช่วงเทศกาล หาให้ไมได้ พอพวกผมบอกว่าช่วยหน่อยเหอะ ก็หามาจนได้ครับ 80 USD!!! ขูดรีดกันเกินไปละ รับไม่ได้ครับ พวกผมเลยออกไปหาเอง ก็เจอแท็กซี่หน้าปั๊ม บอกว่า 40 USD พวกผมก็เลยโอเคครับ แต่เค้าบอกว่าต้องรอหน่อยประมาณ 20 นาที เพราะคันที่มีอยู่รับน้ำหนักไม่ไหว แต่ในขณะที่ดีลกันอยู่เจ้าของโรงแรมก็ขับมอเตอร์ไซดืมาบอกว่าหาได้หรือยัง เค้าหาใหม่ได้แล้วนะราคา 50 USD พวกผมก็เลยบอกปัดไปบอกว่าได้ที่ถูกกว่าแล้ว ทุกอย่างเหมือนจะโอเคแล้วครับ....แต่แล้ว จู่ๆแท็กซี่หน้าปั๊มก็เกิดโลภขึ้นมาบอกว่าขอเป็น 50 USD ได้ไหม แล้วบอกว่าให้พวกผมนั่งหลังเบียดกัน 4 คน จะรับคนเพิ่มอีก 1 คน..... คว่ำโต๊ะไม่ต้องคิดเลยครับ คราวนี้ พวกผมเลยต้องบากหน้าไปขอโรงแรมให้ติดหน่อยใหม่ ได้ที่ราคา 50 USD เท่าเดิมครับ บอกรออีก 30 นาที พวกหน้าปั๊มเหมือนจะเสียลูกค้าเลยบอกว่าโอเค ไม่ต้องเบียดแล้วก็ได้ แต่สายไปแล้วครับ พวกผมไม่โอเคแล้ว แถมแท็กซี่ที่มาก็เก่ากึก สุ่มเสี่ยงว่าจะเสียกลางทางมาก ก็เลยอดทนรอแท็กซี่ของโรงแรมครับ สุดท้ายก็มา ค่อยยังชั่วครับ สภาพดียังใหม่อยู่ นั่งยาวๆไม่มีปัญหา เดินทางประมาณ 2 ชม.ครึ่งก็มาถึงปอยเปตครับ ระหว่างทางด่านตรวจคนออกนอกเมือง แถวที่ผมต่อมีเจอมนุษย์ป้า(รุ่นยาย)ด้วยครับ ทำเป็นเดินงงๆ พอคนข้างหน้าเผลอ พี่แกเสียบเลยครับ คนตรวจก็ดันตรวจให้อีก ต่างกับร้านสะดวกซื้อที่ปั๊มข้างโรงแรมครับ วันนั้นผมโดนแซงคิว ตอนที่พนักงานหันหลังอยู่ แต่พนักงานจำได้ครับว่าผมวางของมาต่อก่อนเลยขายให้ผมก่อนครับ ประทับใจมากตอนนั้น (ชาวกัมพูชาที่มาแซงผมนี่ทำหน้าเซ็งเลยครับ อย่างฮา) หลังจากผ่านด่านตรวจเสร็จก็เดินผ่านคาสิโน ไปเข้า ตม.ของไทยครับ 
Welcome back to Thailand
จะถึง ตม. แล้ว!!!
 
ไม่มีปัญหาอะไร สุดท้ายก็มาขึ้นรถ ดูจากรีวิวอื่นๆเค้าบอกว่าประมาณ 100 กว่าๆ แต่ผมเดินหาเดินถามกดราคากันที่ 250 หมดเลยครับตอนนั้น แต่ส่าได้รถตู้ที่ผ่านปดริ้ว ไม่เข้านครนายกก็เลยโอเค ขี้เกียจต่อนั่งยาวๆมาครับ ถึงกทม. ประมาณ 2 ทุ่มที่ BTS หมอชิต (ระหว่างทางมีผ่านบางนา บางกะปิ ลาดพร้าวด้วยครับ แต่รถไม่ติดเพราะเป็นช่วงสงกรานต์ เพื่อนๆผมก็ทยอยลงกันจนหมดครับ) ข้อสังเกตอย่างหนึ่งคือรถทั่วไปกว่าจะผ่านด่านต้องโชว์พาสสปอร์ตให้ดู แต่รถบ่อนนี่ผ่านออกนอกประเทศฉลุยเลยครับแค่บอกชื่อทัวร์ ต่างกันมาก เป็นอันว่าก็จบการเดินทาง 4 วัน 3 คืนของการ Back Pack ที่เขมรเรียบร้อยแล้วนะครับ ใครมีข้อสงสัยก็ถามได้นะครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันครับ ^^”



Review : Backpack to Cambodia (Siem Reap – Angkor Wat – Angkor Thom) ตอนที่ 2



2nd  Day (13/04/2014) : ตื่นตี 5 ครึ่ง(อีกแล้ว) เพื่อไปชมทินกรขึ้นขอบฟ้า ณ นครวัด

                “Watch and then die” วลีสุดฮิต ที่มาแล้วต้องได้ยิน สำหรับผมแล้วจะว่าสมเหตุสมผลก็ใช่ หรือจะไม่ก็ได้ (จะเอาไงแน่ 555+) คือสำหรับตัวผมถามว่ายิ่งใหญ่หรือไม่ ต้องตอบเลยว่าใช่ (ไม่งั้นจะได้ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกเรอะ) แต่ดูๆแล้วไม่ถึงขนาดที่ผมจะตายอย่างสงบ เพราะยังมีอีกหลายอย่างที่อยากไปสัมผัส อยากไปเห็นอีกมากมายนั่นเองครับ
                เริ่มมาถึงเวลาตี 5 ครึ่ง พร้อมเพรียงกันหน้าโรงแรม ปรากฏว่าผ่านไป 15 นาที ตุ๊กๆอีกคันไม่มา เลยต้องตามอีกคันให้มารับแทน (เริ่มหวั่นตูจะไปทันไม๊?!?) ก็นั่งไปเรื่อยๆตามทาง จนผ่านด่านครับ เค้าก็จะให้นักท่องเที่ยวจ่ายค่าเข้าชมพร้อมทำบัตร 1-day pass ราคาค่าเข้าชมอยู่ที่ 20 USD ต่อวัน ครับ จ่ายเงินพร้อมทำบัตรถ่ายรูป เสียเวลาพอสมควรตอนรอบัตร
One Day Ticket
เสร็จแล้วก็เดินทางต่อไปยังนครวัดครับ ท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้ว ถ่ายตอนเช้ามืดไม่ทันแล้ว ได้แต่ภาพตอนพระอาทิตย์เลยขึ้นฟ้ามาดังภาพครับ (ฝีมือได้แค่นี้ล่ะครับ ที่ไม่มีแล้วด้วย โดนจองจนหมด orz) แต่ยังดีที่มาช่วงสงกรานต์เลยได้ชมพิธีอะไรซักอย่าง มีแต่งชุดเป็นนางอัปสราด้วยครับ ที่นี่ตุ๊กๆ ให้เวลาถึง 7.30 ครับ หลังจากที่ชมทั่วทั้งนครวัดแล้วก็เดินออกมายังจุดนัดพบครับ
ฟ้าเริ่มสางแล้ว

จุดที่ทุกคนรอถ่ายรูป ฝีมือได้แค่นี้แหละ =w="
สภาพปราสาทภายใน
บรรยากาศภายในปราสาทนครวัด
นครวัดด้านหลัง

พิธีกรรมในวันสงกรานต์ของกัมพูชา


เพื่อเดินทางไปยังร้านอาหารใกล้ๆ ราคาค่อนข้างเอาเรื่อง รสชาติโอเคครับ แต่เป็นพวกสไตล์ฝรั่ง ขนมปังเสียส่วนใหญ่ ยังดีที่มีก๊วยเตี๋ยวครับ จากนั้นก็เดินทางต่อไปยังปราสาทบายนศรีในนครธมครับ ค่อนข้างสวยงามมีจุดให้ถ่ายรูปเยอะ (คนก็เยอะ) 
ปราสาทบายนศรี ใหญ่มาก!! เหนื่อยโฮก
จากนั้นก็แวะไปยังปราสาทเล็กๆใกล้ๆ ปราสาทตาแก้วครับ ไม่ค่อยมีอะไรมากเท่าไรนัก จากนั้นจึงเดินทางต่อไปยังปราสาทตาพรหมหรือที่รู้จักกันในชื่อปราสาท Tomb Rider นั้นเองครับ ก่อนเข้าปราสาทก็แวะซื้อน้ำกับผลไม้ก่อนสับปะรดที่นี้ลูกละ 20 บาทครับ ถือว่าราคาใช้ได้เลย หวานอร่อนด้วย ส่วนน้ำครับขายขวดปกติที่ 1 USD ปรากฏเพื่อนผมตาดีเห็นใต้น้ำแข็งก้อนใหญ่มีขวดใหญ่อยู่ ถามว่าเท่าไร ปรากฏว่าขาย 1 USD เท่ากันซะงั้นครับ แน่นอนว่าพวกผมต้องซื้อขวดใหญ่อยู่แล้ว (คนขายก็ช่างคิดแบบซ่อนไว้นะ) สำหรับจุดขายของปราสาทนี้นอกจากเป็นสถานที่ที่ใช้ถ่ายทำหนังเรื่อง Tomb Rider แล้ว ยังมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นกลางปราสาท พร้อมกับตรงรากไม้มีการแหวกช่องให้เห็นนางอัปสราได้ครับ (เค้าดูฮือฮา แต่พวกผมเฉยๆครับ =_=
เห็นนางอัปสรากันไหม?
ที่นี้ค่อนข้างใหญ่และแปลกตากว่าจุดอื่นเพราะค่อนข้างร่มรื่นมีต้นไม้ขึ้นเยอะ ดูดิบๆกว่าปราสาทอื่นๆ สุดท้ายพวกผมก็ออกผิดทาง (ปราสาทมีทางเข้า 3 ทางครับ) ต้องเดินอ้อมกันไกลพอสมควร จากนั้นตุ๊กๆก็พาไปกินร้านอาหารที่ดีลกันไว้(อีกแล้ว) แต่ที่นี้เพื่อนผมดูไม่ค่อยโอเค อยากกินอาหารพื้นบ้านมากกว่าอาหารสไตล์แบบร้านอาหารฝรั่งทั่วไปจำพวกสเต็ก กอรปกับราคาที่ค่อนข้างแพง 5-6.5
USD ก็เลยพูดว่าอยากไปกินที่อื่น ที่นี้พอทางร้านเห็นว่าเหมือนจะเสียลูกค้าเลยบอกว่าเนื่องจากว่ามันเป็นวันปีใหม่ เราอยากให้ทุกคนมีความสุข You Happy, I Happy เลยลดราคาเหลือ 4 USD ทุกเมนูเลยครับ ก็เลยโอเคยอมกิน (ได้ลดซะงั้น ฮา)

ปราสาทสุดท้ายของวัน
                หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มุ่งหน้าต่อไปยังปราสาทสุดท้าย (จำชื่อไม่ได้จริงๆครับไม่แน่ใจว่าเป็น ปราสาท Banteay Kdei หรือ ปราสาท Kravan) ตุ๊กๆ พาไปจอดเข้าทางด้านหลังแล้วบอกให้เดินออกทางด้านหน้าจะรออยู่ตรงนั้น ระหว่างเดินเข้าปราสาทพบเจอเด็กตมขายโปสการ์ดครับตอนแรกบอก 1 USD” แต่ผมบอกขาดตัว 20 บาท ถ้า 20 บาทซื้อเลยทันที เด็กก็ไม่ยอมบอก 30 บาท, 2 ชุด 60 บาทเอ่อ มันลดตรงไหนฟะ จากนั้นก็ตื้อไปเรื่อยๆจนจะเข้าปราสาท เด็กก็หน้าบึ้งปนผิดหวังหน่อยๆแล้วบอกว่า 20 บาทก็ได้ ก็เลยซื้อมาครับ เป็นโปสการ์ด 10 ใบ ตกใบละ 2 บาท กำลังดีครับ หลังจากนั้นก็เดินชมปราสาทจนออกมาด้านหน้าครับ แล้วก็คุยกันกับตุ๊กๆว่าไม่อยากไปโตนเลสาบ แต่อยากไป Old Market แทน เค้าก็แบบโอเคแล้วแต่พวกคุณ ก็ขับพาไปครับหย่อนผมที่จุดหนึ่งแล้วนัดพบกันอีกประมาณ 2 ชั่วโมง และความเข้าใจผิดที่ผมไม่รู้ก็คือ Old Market, Night Market, Pub Street นั้นอยู่ใกล้กันหมดครับเดินกันได้ (ทีแรกนึกว่า Old Market มันอยู่ไกลออกไปอีก แต่ตามจริงที่ไกลออกนะคือ Centre Market ครับ เป็นตลาดสดฝั่งชุมชน มารู้ทีหลังว่าคนแถวนั้นจะเรียกว่า Old Market ครับ คือชื่อซ้ำกันนั่นเอง สรุปเลยได้ไปที่ใกล้ๆตอนกลางคืนของวันแรก) ก็เดินชมของครับ ตัวผมซื้อพวงกุญแจมาชุดหนึ่ง 6 พวง ราคา 2 USD กับอีก 10 บาท ตอนแรกแม่ค้าบอก 5 USD ผมบอก 1 USD ปุ๊บ เพี๊ยะ!! โดนตีเข้าให้หนึ่งดอก พร้อมสบถเป็นภาษาเขมร ละตามมาด้วยคำว่าไม่ด๊ายยย!!” ส่วนเพื่อนผมจะซื้อกระเป๋าเป้ครับ โดนแม่ค้าดราม่าไป บอกว่าเธอเป็นลูกค้าคนแรก เจอบอกมาเป็นสิบคนว่าขอเดินดูรอบๆก่อนแล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย(แหงสิ ก็ร้านอื่นถูกกว่านี่หว่า) สุดท้ายก็ตกเป็นเหยื่อ กินหมูไปตัวนึงเต็มๆครับ (ฮา) หลังจากถูกสังเวยไปแล้วก็มีแว๊บกินน้ำปั่นกันเพื่อนผมสั่งกล้วยปั่น มะนาวปั่น มะม่วงปั่น ส่วนผมชอบของแปลกเลยจัดกล้วยผสมมะม่วงหิมพานต์ปั่นครับ ก็กล่มกล่อมดี เสร็แล้วก็เดินเข้าห้างตากแอร์เดินดูของเล็กน้อยรอเวลาแล้วก็กลับที่พัก พร้อมกับนอนพักเอาแรงเพื่อเตรียมเดินทางไป Pub Street ต่อคืนนี้ครับ


                เวลา 19.20 น. ผมตื่นนอนขึ้นมาจากการปลุกของเพื่อนๆ ถ้าเป็นวันอื่นๆผมคงล้างหน้าแต่งตัวพร้อมออกไปต่อแล้วครับ แต่ทว่าวันนี้ครับ 13/02/2014 เป็นวันที่สโมสรอันเป็นที่รักยิ่งของผม Liverpool Football Club มีแข่งครับ แถมแข่งกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่กำลังคั่วแชมป์กันอยู่ด้วย ผลแพ้ชนะนัดนี้จึงเป็นตัวกำหนดได้เลยว่าทีมของผมจะยังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์อยู่หรือไม่ ก็เลย.....ไหว้ ขอร้องพวกเพื่อนๆว่า อย่างน้อยก็ขอดูครึ่งแรกหน่อยแล้วกัน แล้วค่อยเดินไปหาร้านที่มีฉายอีกที แต่...อนิจจา ตูข้าช่างอาภัพนัก ดูไปได้ 6 นาที....พรึ่บ!! ไฟดับ!! WTF!!! แถมดับนานพอสมควรด้วย แต่ที่แย่กว่านั้นคือ พอไฟรอบๆโรงแรมติด ทั้งบ้านเรือน วัด ปั๊ม ก็ติดแต่มีแค่โรงแรมหลังนี้หลังเดียวที่ไม่ติด orz สุดท้ายเลยต้องจำยอมเดินออกจากโรงแรมไปหาข้าวเย็นกิน ยังดีที่ระหว่างเดินไป Pub Street เจอร้านนั่งดริงค์เปิดอยู่แล้วเดินผ่านตอนหงส์แดง ลิเวอร์พูลยิงประตูขึ้นนำ 2-0 พอดี (แต่ยังไงก็ตามก็มารู้ทีหลังว่า ก่อนไฟดับแค่ไม่กี่วินาทีหงส์แดงก็ยิงขึ้นนำ 1-0 อดดูลูกแรกแบบน่าเจ็บใจมาก orz) สุดท้ายก็เดินไปถึง Pub Street ครับ เจอร้านที่มีจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ ราคารับได้ แต่ปรากฏว่าที่นั่งดันไม่มี แต่ๆๆผมมันเป็นพวกบ้าบอลเข้าสายเลือดจะไม่ดูก็ไม่ได้ ครึ่งหลังมาพอดี เลยบอกกับทุกคนว่าจะกินก่อนก็ได้นะ แต่ทุกคนก็ใจดีครับบอกว่า เออ เดี๋ยวเดินรอบๆแถวนี้ไปหาไรกินรองท้องก่อน บอลจบเดี๋ยวเจอกัน ผมก็เลยได้ดูยาวๆ มันส์ชนิดลืมหิวกันไปเลยทีเดียว ผลสุดท้ายคือหงส์แดงชนะไปด้วยสกอร์ 3-2 ครับ
                เอาล่ะ นอกเรื่องไปเยอะได้เวลากินอาหารเย็นกันแล้ว คืนนี้พวกผมตัดสินใจเดินย้อนกลับไปทางโรงแรมมีแว๊บกินน้ำปั่นข้างทาง โดยที่ผมสั่งไปคือละมุดปั่นครับหวานดี หากินยากอยู่แม้แต่ที่นี่ จานั้นก็ไปหยุดกินข้าวเย็นที่ร้านข้างทางเอาครับ ได้แก่ เนื้อกระทะ
, Amok, Lok Lak, Cambodian Curry Noodle ตามลำดับในภาพเลยจ้า
เนื้อกระทะ ใส่เนยด้วยหอมมาก ><

Amok อารมณ์แกง มีเนื้อปลา อร่อยดี

Lok Lak เนื้อ!!! อร่อยมาก กินกับน้ำจื้มคล้ายๆจิ้มแจ่วแต่มีเกลือด้วย

Cambodian Curry Noodle ชอบชามนี้มาก อร่อยสุดๆ
ขอบอกเลยครับว่าราคาถูกกว่าแถมรสชาติอร่อยกว่าด้วยครับเมื่อเทียบกับร้านที่กินมาตอนเช้ากับกลางวัน ค่อยรู้สึกว่าได้มาถึงกัมพูชาแล้วซักที จากนั้นก็ไม่มีอะไรครับ เดินทางกลับโรงแรม พักผ่อนกันเตรียมพร้อมเข้าสู่การท่องเที่ยวในวันสุดท้ายครับ

วันอังคารที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

Review : Backpack to Cambodia (Siem Reap – Angkor Wat – Angkor Thom) ตอนที่ 1

            บทความในครั้งนี้ถือว่าเป็นรีวิวครั้งแรกเลยก็ว่าได้ สำหรับการเดินทางครั้งนี้ได้วางแผนกันไว้ว่าจะเดินทางไปกัน 4 วัน 3 คืน (ตอนแรกกะจะ 3 วัน 2 คืน เพราะคนเขียนเงินไม่พอ แต่พวกเพื่อนที่แสนดีบอกว่ายืมได้เลยจัดไปเอาให้คุ้ม ไปต่างประเทศทั้งที lol)
            สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ ขาไปได้ใช้วิธีเกาะรถบ่อนไปครับ โดยสงวนค่าเดินทางที่ 100 บาทถ้วน จ่ายก่อน 300 บาท แล้วพอถึงเวลาไปรับชิพเงินคืนอีก 200 บาท ที่คาสิโน สำหรับวิธีการติดต่อก็ใช้ลิงค์ตามข้างล่างนี้ครับ

            การไปเที่ยวในครั้งนี้ใช้บริการของมาริโอ้ทัวร์ครับ ติดต่อขอขึ้นรถที่พาต้า ปิ่นเกล้า เวลา 5.30 น. ส่วนตัวแล้วประทับใจกับบริการของทัวร์นี้มากครับ เห็นพวกผม 4 คน แบกกระเป๋าใบเป้งมา ดูปุ๊บรู้เลย ไอ้พวกนี้ไม่ได้มาเข้าบ่อนแน่
หลังจากไปถึง เค้าก็แนะนำ พาเดินทางบอกนู่นนี้ ว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร ฝากของที่ไหน กินข้าวที่ไหน มาเช็คพาสปอร์ตตอนไหน รับกระเป่าคืนได้กี่โมง ถึงจะออกไปลัลล้าได้


1st Day (12/04/2014) : หาที่พักเตรียมขึ้นรถให้ทันตอนตี 5 ครึ่ง


            การขึ้นรถให้ทันพร้อมกันตอนตี 5 ครึ่ง นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายครับ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือหาที่ค้างใกล้จดขึ้นรถครับ

โชคดีที่หนึ่งในผู้ร่วมเดินทางครั้งนี้มีคอนโดอยู่ข้างหลังพาต้าครับ จึงขอจองขึ้นรถที่หน้าพาต้า ปิ่นเกล้า รถมาค่อนข้างตรงเวลาครับ สภาพรถเป็นแบบรถทัวร์ทั่วไปเลยครับ ตอนขึ้นรถเค้าก็จะถามว่าจองไว้ชื่อคุณอะไรก็บอกไปไม่มีปัญหาครับ หลังจากขึ้นรถมา รถทัวร์ก็จะแวะไปรับคนที่จุดต่างๆอีกเล็กน้อยครับ จะมีปัญหาบ้างก็ตรงที่คนที่โทรมาจองตอนเช้ามืดเลย แล้วยืนยันจะไปให้ได้ หรือนั่งที่นั่งผิด ก็มีวุ่นวายเล็กน้อย สุดท้ายก็ยอมนั่งตรงบันได อัดๆกันมาได้ครับ ส่วนพวกผมก็นอนกันสบายเพราะจองที่ไว้แล้ว 

(_ _)zzzZ จากนั้นก็ไม่ต้องคิดมากครับ นอนยาวเลย นอนแล้วนอนอีก จนกระทั่งไปถึงอรัญประเทศ ตลาดโรงเกลือโน้นเลยครับ เวลาที่ถึงก็เกือบๆ 11 โมง
            พวกผมเสียเวลาหาที่แลกเงินกันเล็กน้อย เพราะมีคนที่หาที่แลกเงินมาไม่ได้ เพราะช่วงที่พวกผมไปก็เทศกาลสงกรานต์พอดีแบงค์ 1 USD ขาดตลาดครับ สาเหตุที่ต้องแลกเป็นแบงค์ดอลไว้ เพราะที่นี้นิยมใช้แบงค์ 1 ดอลครับ จะใช้เงินบาทก็ได้แต่มีอัตราคร่าวๆ ประมาณนี้ 1 USD = 32/33/40 THB = 4000 รีล ส่วนเงินบาทนี่ต้องแล้วแต่ต่อรองเอาเองครับ
            จากนั้นก็เดินผ่านจุดตรวจคนออกนอกเมือง จะแบ่งออกเป็น 2 โซนคือ คนไทย กับ ชาวต่างชาติ ครับ
ถ้าเป็นคนไทยก็เข้าห้องชั้นล่างยื่นพาสปอร์ต แล้วก็ผ่านออกไปได้เลย แต่ว่าก่อนพวกผมจะเดินเข้าไปโดนผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาทักด้วยครับว่า
“Hello First Cambodia?” เพื่อนผมก็งงๆ ทักกลับอัตโนมัติว่า ครับ?” เค้าเลยบอกว่า อ่อ คนไทยหรอครับ เชิญครับจากนั้นก็มีเคสแบบนี้อีกหลายครั้งครับ เค้าบอกกันว่าพวกผมหน้าเหมือนพวกจีน ไต้หวัน ฮ่องกง หรือญี่ปุ่น ทำนองนี้ (ฮา) หลังจากผ่านมาได้แล้วก็มุ่งหน้าเข้าสู่ปอยเปตเลยครับ และแล้วก็มาถึง แต่นแต๊นนนน คาสิโน ครับ

คาสิโนที่พวกเรามาเกาะใบบุญสิงสถิต
คาสิโนอีกฝั่งเจ้าของเดียวกัน เข้าไปกินบุฟเฟต์ในนี้แล

(คาสิโนจะตั้งอยู่ก่อนเข้า ตม.ของกัมพูชาครับ) เนื่องจากพวกผมนั่งรถบ่อนมา เพื่อให้ได้เงิน 200 บาทคืน จึงต้องเข้าบ่อนก่อนครับ ก็เดินเข้าไปแล้วฝากกระเป๋า ทำเป็นเดินวนๆดูรอบนึง จากนั้นก็ไปกินข้าวอีกฝั่งครับ เป็นคาสิโนเหมือนกัน เจ้าของเดียวกัน (แต่อัตราลงทุนขั้นต่ำสูงกว่า) โดยกับข้าวฝั่งนี้เราจะได้เป็นบุฟเฟต์ครับอยู่ชั้นใต้ดิน มูลค่า 250 บาท (ได้บัตรจากทัวร์นั่นแหละครับ) กับข้าวบุฟเฟต์ที่นี้ค่อนข้างอร่อย ครบเครื่องดีครับ (ยกเว้นไอศครีม) หลังจากกินข้าวเสร็จก็เดินดูเล่นๆจนถึงเวลา 13.30 น. ก็ไปให้เค้าเช็คพาสปอร์ตที่ตึกที่ฝากกระเป๋าครับแล้วเค้าจะให้ชิฟเรามาเอาแลเงินคืนได้ 200 บาท เสร็จแล้วก็เอากระเป๋าคืนแล้วเดินออกไปเข้า ตม. ได้เลยครับ ก็ไม่มีอะไรมากครับกรอกประวัติส่วนตัว ระบุว่าจะอยู่กี่วัน แล้วก็แสกนลายนิ้วมือเป็นอันเรียบร้อยครับ

            หลังจากผ่านเข้ามาสู่ปอยเปตได้แล้ว อื้มหืม ชาวกัมพูชานี่กรูกันมาหาใหญ่เลยครับ เห็นหมูอันโอชะเดินมา 4 ตัว เตรียมปอกเปลือกพวกเราเต็มที่ (ฮา) จากที่ฟังมาเห็นว่าจะมีขบวนการหลอกว่าให้ไปขึ้นรถขนส่งถูกๆได้ แต่ตามจริงพาไปที่แล้วไม่มีรถสุดท้ายต้องต่อแท็กซี่อยู่ดีครับ เพราะฉะนั้นไม่ต้องสนใจ โบกแท็กซี่เลยครับ บอกต้องการไปเสียมเรียบ แสดงแผนที่ระบุที่พักให้เห็นชัดเจน ต่อรอราคา เห็นว่าไม่ควรสูงกว่า 40 USD แต่ตอนนัน้ผมต่อได้แค่ 50 USD ครับ แถมโดนคนช่วยโบกขอค่าน้ำใจด้วย (ตัวผมกะไปแค่ 1 USD ครับ แต่เพื่อนให้ไป 100 บาท เท่ากับ 3 USD เลยนะนั่น TT)
            สำหรับเรื่องที่พักนั้นพวกผมจองออนไลน์ผ่าน Agoda ครับ ที่พักที่พวกผมจองคือ Ta Som Guest House ครับ
http://www.agoda.com/th-th/ta-som-guesthouse/reviews/siem-reap-kh.html?asq=w6cUGJyUISGUsRpA%2bKZcAaLPvbQqvUo2oAPO7WyQ71u495VRVme46CjPhrqrMO%2b1hhu0g6x%2fajaM5th%2bFHs07un3Zp8XXxtoc%2bKPCYer0xSrZgUG4dWg4fwLvlpKdmAMhhEXYMoMlMHCFXprmtA1B%2bL2AUnfOhFRTEDVteJxPyI%3d
             รายละเอียดตามลิงค์เลยครับ ห้องพักห้องละ 2 คน ตกคืนละ 300 กว่าบาทต่อคน สำหรับบริการก็ถือว่าโอเคครับใช้ได้เลยแถมไม่ไกลจาก Pub Street มาก เดินไปเองได้ครับ และที่พักเองก็ติดกับปั๊ม Caltex มีร้านสะดวกซื้อ Star อยู่ใกล้ๆ ด้วยครับ ถือว่าสะดวกมากเลยทีเดียว

            มาต่อกันที่การเดินทางครับ การแบคแพคครั้งแรกในต่างแดนของพวกผมประทับใจมากครับ เดินทางไปได้ครึ่งชม. รถเสียครับ =*=!!!!


ต้องให้คนขับเรียกรถคนอื่นมารับต่อ รอไปประมาณครึ่งชม. ได้เปลี่ยนจาก Corolla เป็น Camry ครับ ถือว่าคุ้มค่าเลยทีเดียว เพราะคุณภาพรถใหม่กว่ากันมาก แอร์ก็เย็นเผลอหลับกันทั้งรถเลยทีเดียว รถที่นี้เหยียบไม่แรงครับประมาณ 40-50 kmh ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.ครึ่งก็ถึงที่พัก (ก่อนจะถึง จู่ๆรถก็จอดครับ แล้วตุ๊กๆ 2 คันก็มารับพวกเราต่อ บอกว่าไม่ต้องจ่ายตังค์เป็นคอนเน็คชั่นกับแท็กซี่ครับ คือเค้าส่งต่อลูกค้ากันให้เรากะใช้บริการตุ๊กๆ 2 คันนี้เลยครับ ซึ่งตุ๊กๆ คนนี้ก็พูดอังกฤษเก่งและคล่องมากครับ สื่อสารง่ายดี วันสุดท้ายเค้าให้ FB และเบอร์โทรติดต่อไว้ด้วยครับ ไว้จะแปะแล้วคอมเมนท์เพิ่มเติมอีกที) หลังจากเช็คอินเรียบร้อยแล้ว ระหว่างรอเค้าจัดห้องให้ ก็ได้รับเครื่องดื่มแรกของการมาเขมรครับ
น้ำกล้วย+สับปะรดปั่น
น้ำกล้วย+สับปะรดปั่น หวานเย็นชื่นใจดีครับ จากนั้นก็ขึ้นห้องพักผ่อน ถึงเวลาก็ลงมาให้ตุ๊กๆพาไป Pub Street ครับ เพราะตอนแรกยังเดินทางไปเองไม่ถูก (ตรงนี้ไม่เสียค่าใช้จ่ายครับ เพราะเค้ารอดีลให้เราใช้บริการของเค้าในวันที่เหลือ ซึ่งสุดท้ายก็ตกลงใช้บริการพาไปนครวัด นครธม ในวันพรุ่งนี้ครับ สนนคนละ 15 USD) สำหรับ Pub Street ก็จะมีขายอาหาร ร้านอาหาร ร้านเหล้า บาร์นั่งดริงค์เป็นหลักครับ ถ้าเดินไปอีกก็จะถึง Night Market Area เป็นย่านขายของทั่วไปครับเสื้อ ผ้า กระเป๋า ของที่ระลึกต่างๆ ครับ ใช้ฝีมือการต่อเอาเองว่ากันว่า ให้ต่อเหลือ 25% ของที่เค้าให้มาครับ แล้วจากนั้นก็ฝีมือของแต่ละคนแล้วครับ (ฮา) สำหรับมื้อแรกในเขมรผมจัดอาหารอินเดียไปครับ =w=” แต่อร่อยดีนะครับ 555+





เมนูที่สั่งก็มีแกงแกะ ปลาทอด ไก่ผัด กินกับแป้ง Plain กับโยเกิร์ตอีกแก้วครับ จากนั้นก็ไปปิดท้ายด้วยของหวานที่ร้าน The Blue Pumpkin ครับ จัดของหวานไปชิ้นกับไอศกรีม สั่งมา 3 รสครับ คือ Mint Chocolate / Sticky Chocolate / Rum Rasin ขอบอกว่ารัมเรซินเค้านี้กินเหล้าแรงมากครับ ทำเอาหน้าแดงได้เลย หลังจากจ่ายตังค์เรียบร้อยก็เดินกลับที่พัก นอนเตรียมตัวไปดูพระอาทิตย์ขึ้นในวันที่ 2 ครับ
อาหารอินเดีย อร่อยมากโดยเฉพาะซุปแกะ


ของหวานชิ้นแรกในเขมร