Just Share Memorable Events :): 2019

Jordan Backpack Trip -(6)

29/10/19: วันสุดท้ายของเพื่อนแต่เรายังอยู่ต่อ

ประมาณ 7:30 ก็สตาร์ทลงมาด้านล่างเห็นโต๊ะปิงปองกับกระดานปาเป้าก็แบบ เฮ้ย น่าแวะมาเล่นว่ะ ไว้หลังไป Dead Sea แล้วค่อยมาแวะละกัน

โต๊ะปิงปองที่ไม่คาดคิดว่าต้องมาใช้เวลากับมันอย่างนานทีหลัง

ปรากฏว่าพอนั่ง Shuffle Bus จากโรงแรมไปที่หาดเท่านั่นแหละ ลมอย่างแรง พร้อมกับการที่ Life Guard นาม Youserf ผู้มีเพื่อนเคยไปเมืองไทย และฝึกมวยไทย (รู้จากการพูดคุยหลังจากนั้น) บอกว่า No Swim เพราะลมแรง ไม่ให้ลงเล่นน้ำจ้า ทำได้แค่นั่ง เดินริมหาด กับพอกโคลน

โอ๊ววววว FUUU ตอนแรกที่ Wadi Rum เพื่อนทักว่าทริปนี้ยังโอเคมาตลอด เลยแซว ๆ กันว่า ไม่ใช่วันอื่น ๆ ที่เหลือเจออะไรเซอร์ไพรส์นะ ไม่ผิดจากที่แซวเจอเลยจ้า เลยถามเค้าว่าน่าจะลงเล่นได้ไหม เค้าบอกอาจจะ 10 โมง หรือ อาจจะไม่ทั้งวัน ก็...ทำอะไรไม่ได้เลยย้อนกลับมาเล่นปิงปอง ปาลูกดอก จน 9:30 ก็แว่บกลับไป ผลคือ....แรงกว่าเดิมอีกจ้า บรัยยยย TT สุดท้ายเลยทำได้ไปลอยเกยตื้นเล่น ๆ (โดนน้ำเข้าปากเข้าตาอย่างแสบอย่างขม -__-“) กับแค่พอกโคลน ถ่ายรูป เป็นอันหมด พอล้างโคลน ตากแดดแล้วก็ไปแวะว่ายน้ำที่สระโรงแรม แช่จากุซซี่ก่อน แล้วค่อยขึ้นมาอาบน้ำ เช็คเอาท์ตอนเที่ยง ก่อนที่จะเดินทางไปเก็บสถานที่ท่องเที่ยวตามเส้นทางกลับที่จะไปคืนรถ

ลอยตัวแบบเกยตื้น lol

พอกโคลน Dead Sea

ทำไรบ่ได้ก็นอนอาบแดดมันละกัน

หลังจากเช็คเอาท์ก็เดินทางต่อไปยัง Mt.Nebo ซึ่ง...ทางโหดมาก ไต่เขา คดเคี้ยวเลี้ยวลด แล้วคือ ประเทศนี่พวงมาลัยมางซ้ายไง หืมมมม กะยากไปอีก อ่ะ แล้วคือคันนี้รถมี sensor defect ทำให้ขึ้นว่า ลมของล้อขวาหลังมันน้อย ขึ้น pop up เตือน ซึ่งของจริงไม่เป็น แต่ผลที่ตามมาคือ ตรูมองไม่เห็นว่าเข้าเกียร์ไรอยู่ไง คือ พอปรับ Manual เพื่อใช้เกียร์ต่ำไต่เขาต้องใช้เซนส์ดูรอบเครื่องเอาแล้วก็ปรับ ๆ ดีนะที่เคยขับเกียร์กระปุกมา ไม่งั้นตายคงทำได้แค่ค่อย ๆ ไต่ ค่อย ๆ เร่ง

) ขับไปไม่ถึง 40 นาทีก็มาถึง Mt.Nebo ที่โมเสสเห็นดินแดนแห่งพันธสัญญาแล้วก็จากไป ซึ่งก็จะมีประวัติให้อ่าน มีสัญลักษณ์หรือ ประติมากรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง (แต่ก็ไม่อินเพราะไม่ได้นับถือทางคริสต์อ่านะ) แอบรู้สึกไม่คุ้มค่าตั๋วเพราะส่วนนี้ไม่รวมกับ Jordan Pass ต้องจ่ายเพิ่ม 2 JD

Mt.Nebo

ค่าตั๋ว 2 JD

Top View from Mt.Nebo

View from Mt.Nebo to Promised Land

Church and Mosaic

Ancient Mosaic Wall

อยู่ไปซัก 40 นาที ชมวิวสวย ๆ ก็ขับต่อไปที่เมือง Madaba ใช้เวลาแค่ประมาณ 30 นาที แล้วเข้าไปจอดที่ Madaba Visitor Center ได้ฟรี ก่อนออกมาหาอะไรกิน แล้วค่อยเข้าไปที่ Madaba Archaelogical Park ที่เป็นตึกสร้างครอบล้อมรอบภาพ Mosaic สมัย 6th Century กับ ถนนสมัยโรมันเมื่อ 5th Century

Fresh Pomegranate Juice

Lunch Time at Food Basket

Appetizer เป็น Humus, Fatah, Salad

ข้าวหมกไก่ อร่อย!

Sesame Cookies

Mint Tea

Ancient Mosaic

Ancient Mosaic

ใช้เวลาไม่นาน 20-30 นาทีก็เดินทั่ว เลยไปต่อที่ Burnt Palace - Martyrs Church ซึ่งทั้ง 2 ที่นี่ใช้ Jordan Pass เข้าชมฟรี สถานที่ที่สองนี้คล้ายกันคืงแสดง Mosaic โบราณที่สะท้อนวิถีชีวิตความเชื่อต่าง ๆ และสภาพโบสถ์โบราณที่ยังหลงเหลืออยู่ แต่ที่แตกต่างคือคนที่ Admin พาเดินทัวร์ แต่ก็พูดซ้ำ ๆ ว่าอันนี้อยู่สมัยไหน ภาพนี้คืออะไร (ซึ่งเห็น ๆ ชัดเจนอยู่แล้ว) ก็คือสรุปลุงแกหวังทิปนั่นเอง แต่พูดฟังยาก แถมข้อมูลไม่ได้มีประโยชน์ อย่าหวัง

Burnt Palace & Ancient Church

สถานที่นี้เล็กกว่าที่แรกใช้เวลาแค่ประมาณ 15 นาทีก็ดูทั่ว ก็เลยไปต่อที่สุดท้ายคือ St.Georges, Mosaic Map Church Madaba ที่เสียค่าเข้า 1 JD ข้างไนเป็นโบสถ์เล็ก ๆ ที่ตรงพื้นมีแสดง Mosaic Map ของ Madaba และ Jordan แค่นั้นซึ่งรู้สึกไม่คุ้มค่าเท่าไร พอชมเสร็จก็เดินออกมาหาซื้อของฝากแถวนั้น เพื่อนเจอซื้อของแพงไปแต่พอถัว ๆ ก็ขาดทุนแค่ 0.5 JD ส่วนอีกร้านที่ไปซื้อเหมือนปู่แกถูกใจอะไรไม่รู้ก็เลยแถมส้มมาให้ 1 ผล

หลังซื้อของเสร็จแล้วค่อยเอารถกลับไปคืนที่ออฟฟิศตอน 5 โมงเย็นพอดิบพอดี แล้วทางออฟฟิศก็พาขับมาส่งที่สนามบิน เป็นอันจนทริปของคุณเพื่อน แต่....ของตัวเองนั้นยังจ้า เพราะค่าตั๋วถ้ากลับวันเดียวกันคือโคตรแพงพุ่งไปอีก 6 พันกว่าบาท ก็เลยอยู่ต่ออีกคืนเสียแค่หลักพันดีกว่า

St.Georges Church

Mosaic Map Church Madaba

ส้มที่ได้รับมาฟรี

ก็วนลูปนั่งรถ Bus ไป 7th Circle แล้วกึแพลนจะเรียก Uber แต่ ๆ ๆ ๆ สิ่งที่แตกต่างคือมีหนุ่มหน้าตาเอเชียวิ่งตามมาทัก Are you Chinese? ซึ่งก็ตอบไปไม่ใช่ ตรูคนไทย แล้วคุณล่ะ อ่อ ญี่ปุ่น นิฮงจิน เดสเน้ ~ หลังจากนั้นก็ยาวเลย คุยกันถูกคอเป็นต่อยหอย

คือเพื่อนชาวญี่ปุ่นนี้เคยทำงานธนาคารมา 6 ปี (รุ่นเดียวกัน) แต่เบื่องานเลยลาออก แล้วปีนี้ทั้งปีก็คือเปิดประสบการณ์เที่ยวรอบโลก นี่เพิ่งมาจากปราก แล้วคือโรงสรมอยู่ใกล้กัน นี่ก็เลยชวนว่าแชร์อูเบอร์กัน แล้วเดี๋ยวพาแนะนำ เพราะจะวนลูปพอดี

อีกทั้งฝั่งนี้มีเน็ต Follow Me~ ก็เลยชวนกันไปแล้วก็คุยกันยาว ๆ ตลอดทาง ทุกเรื่อง ทุกสถานที่ที่เคยไปมา ที่ไหนที่อยากไป เรื่องบ้านเมืองที่เจอ เรื่องบ้านเมืองอินไซด์ของแต่ละฝั่ง Culture Shock ที่เจอ จนแลก contact กันครบ lol พอถึงที่พักแยกย้าย check in เสร็จก็มาเจอกันแล้วก็พาเฮียแกท่องอัมมาน พาดูร้าน แล้วก็หลอกล่อให้ไปกิน Shawarma ร้านที่อยากกินแทน Hashem ที่อยู่ตรงข้ามโรงแรมเฮียเค้าได้สำเร็จด้วยเหตุผลว่าอีกร้านไม่มีเนื้อนะ

แล้วก็เมาท์มอยยาวจนถึง 3 ทุ่มนู่น เลยออกมาเดินย่อนพาไปดู Roman Theater แล้วก็แนะนำให้ไป Temple of Hercules ท่าจะยังอยู่ที่อัมมานยังไม่ไป Petra จากนั้นก็พาไปดูร้าน Supermarket กับร้านอาหารที่ฝากท้องได้ตอนเช้า พร้อมกับบอกเค้าว่า คอนเช้าไม่ได้จอยนะ เพราะตอนแรกแพลนพักคนเดียวเลยให้โรงแรมรวมอาหารเช้าให้แล้ว หลังจากซื้อของก็แยกย้ายกัน ค่อยไปเจอกันพรุ่งนี้อีกที โดยแผนคือเช็คเอาท์ตอนเที่ยง แล้วเดินทางไปสนามบินตอนบ่าย 3 ตอนนี้ตี 1 ครึ่งละ นอนก่อนละ Oyasumi!

Shawarma Express แบบเผ็ดที่ไม่มีความเผ็ด lol

30/10/19: เตรียมเดินทางกลับ
ตื่นเช้ามาแบบสบาย ๆ 8 โมงกว่า ๆ ก็อาบน้ำทำกิจวัตรประจำวันแล้วลงมากิน breakfast ช่วง 9-10 โมง จากนั้นก็ค่อยไปเดินเล่นย่อยอาหาร เดินไปเรื่อย ๆ ดู super market หาของที่น่าสนใจลองชิม เช่น แมกนัมดาร์คชอค 70% อย่างแหล่ม! จากนั้นก็ไปเดินเล่นที่ Roman Theater ครั้งนี้ไปตอนเช้า ใช้ Jordan Pass เข้าฟรี แล้วก็ปีนขึ้นไปดู Top View บ้าง ดูมิวเซียมบ้าง

Hotel Local Breakfast

Magnum Dark Choc. Superb!

Museum in Roman Theater

Museum in Roman Theater

Roman Theater

ประมาณ 11:30 Yutaro Aneki ก็ตอบกลับมาว่าอยู่โรงแรม เจอกันอีกทีไหม ก็เลยชวนกินข้าวแล้วบอกว่าเดี๋ยวไป check-out ตอนเที่ยง เจอกันที่เดิม หลังจากกลับมาถึงเช็คเอาท์แวะเล่นกับลูกแมวแล้วก็หลอกล่อไปกิน Crispy Chicken จนได้ ราคาแค่ 2.5 JD เอง ถูกมาก รสชาติแบบ KFC เลย อร่อย จากนั้นก็เมาท์มอยกันยาว ๆ ฆ่าเวลา พูดตั้งแต่เรื่อง Series, Anime, Dorama, Taiga ดาราหญิง ยันประวัติศาสตร์เซนโกคุ โดยเฉพาะ ซะนะดะ ยูคิมุระ ที่เฮียแกเองก็ชอบเป็นพิเศษ ไม่เข้นแม้แต่ไลท์โนเวล เช่น ตับอ่อน หรือ งานดี ๆ อย่าง kimi no nawa กับ Spirited Away คุยจนมีชาวอมจอร์แดนมาทักว่า เอ๊ะ สรุปใครประเทศไหน เพราะผสมกันทั้ง อังกฤษ ญี่ปุ่น และไทย บ้าง เช่น ปลาปักเป้า (Fugu ในภาษาญี่ปุ่น) ที่เฮียแกดูจะชอบคำนี้เป็นพิเศษเพราะว่ามันดูน่ารักและตลก มีอีกคนหนึ่งบอกว่าชอบญี่ปุ่นแล้วห็เปิดหนังยิปมันให้ดู มีฉากที่ถามชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่นแต่มันเป็นการถามแบบ dirty laguage แบบประมาณ What’s your fucking name? -__-“ ถึงเค้าจะพูดน้ำเสียงสุภาพก็เถอะ ทำเอาฮากันท้องแข็งเลย แล้วก็มีชวนคุยกันเรื่องอาหาร ทั้งเนื้อวากิว ทั้งเนื้อม้า ลากยาวกันเลย แม้แต่สถานที่ท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่น ตาอดจนมุมมองต่อการท่องเที่ยว และประสบการณ์การท่องเที่ยว อิจฉาเฮียแกมากวีซ่าก็ฟรีเยอะ ผ่านสบาย ไปมาแล้วประมาณ 45-50 ประเทศ แบบ โอ้แม่เจ้า อิจว๊อยยยย ก็คือคุยยาวตั้งแต่เที่ยงจนถึงบ่าย 3 แต่ตอนสุดท้ายคงเพลินกันไปหน่อย เพราะไม่ค่อยมีคนคุย discuss เรื่องที่สนใจแบบนี้ได้มาก เลยเผลอเสียงดังจนคนข้างหลังบอกเบาเสียงหน่อย ทำเอาเฮียแก guilty ไปเลยว่าแบบตอนชาวจีนมาที่ญี่ปุ่นทำเสียงดังเราก็ไม่ชอบแต่เราก็กลับทำเสียเอง ก็ขอโทษเค้าไปเค้าก็บอก โอเค ไม่ได้อะไรขนาดนั้น แต่แค่บอกไว้ ก็โอเครู้ละว่าที่นี่ก็เป็นสไตล์ที่ชอบความสงบเหมือนกันแม้จะเป็นร้าน Fast food ก็ตาม ก็คุย ๆ บอกว่าคนเราผิดพลาดได้แต่ realized และรู้สึกผิดกับทัน พร้อมกับเรียนรู้ก็โอเคแล้ว move on ไปต่อ

Crispy Chicken: Small Set

หลังจากทอร์คกันมายาวนานก็ได้เวลาลาจากกัน โดยใช้บริการ Uber ไปสนามบินประมาณ 17 JD กว่า ๆ (ถามที่โรงแรมคิดค่าบริการ 20 JD) ก็ถูกกว่าแหละ นอนหลับได้คนขับบริการดี ก็มาถึงเข้าเกตแลกเงินคืน แต่ที่นี่เรตโหดมาก แลกเศษ 20 JD ควรจะได้ 25-28 USD กลับได้แค่ 20 USD ขาดทุนไปประมาณ 240 กว่าบาทแหน่ะ TT หลังจากนั้นก็รอขึ้นเครื่อง boarding 17:45 เพื่อไปต่อเครื่องกลับกรุงเทพฯ ที่ Kuwait Airport

ข้าวแกงแกะ

มาถึงคูเวตประมาณ 22:00 จากนั้นก็รอ Transit อีกประมาณ ชั่วโมงกว่า ๆ (ครั้งนี้มีเวลาเหลือให้เยอะ) จากจุดนี้ก็ใช้ wifi ฟรีที่สนามบินยาว ๆ ไป เวลา 23:25 ก็ Depart ออกจากคูเวต กลับสู่กรุงเทพฯ ประมาณ 10 โมงเช้า เป็นอันจนทริปในปีนี้ สรุปทริปนี้ใช้เน็ตซิมที่ซื้อมาไปประมาณ 10 กว่า GB ซึ่งโอเคนะ เพราะมาถึงสนามบินที่อัมมานก็มี wifi free ให้ใช้พอดีต่อให้ไม่มีโปรก็เอาอยู่