วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Phu Soi Dao National Park : อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว กว่าจะสอยไม่ใช่เรื่องง่าย


      หลังจากไม่ได้อัพบล็อกมาเป็นปีๆ ตอนนี้เริ่มสิ้นปี ขอรีบมาทยอยให้ให้ทันก่อนขึ้นปีใหม่หน่อย :))
ทริปครั้งนี้ เป็นทริปสั้นๆ 4 วัน 3 คืน ในประเทศ ไม่พูดพร่ำทำเพลง เริ่มเลยดีกว่าเนอะ


Day 1 : Journal Begin at DMK Airport

      เริ่มต้นที่ดอนเมือง โดยจองตั๋วของ Air Asia ไปลง  เมืองพิษณุโลก ใช้เวลาบินประมาณ 40 นาที
โดยบินประมาณ 18.00 .
ท่าอากาศยานพิษณุโลก

   เมื่อไปถึงหลังจากรับกระเป๋าที่โหลดเรียบร้อย สนนประมาณ 20 kg สัมภาระส่วนตัวคนละไม่เกิน 7 kg ได้ติดต่อรถเช่าที่จองไว้ เป็นรถ Toyata Calora Altis สภาพรถรุ่นเก่าแต่ใช้งานได้
รถเช่าที่พร้อมจะร่วมทางไปกับเราครั้งนี้
   จากนั้นจึงมุ่งหน้าเข้าสู่ที่พัก โดยในคราวนี้ได้ใช้บริการของ "สุขวิมล เพลส"
ราคา ห้องละ 400 + เตียงเสริม 150 บาท มีค่าประกันรีโมทแอร์และทีวี อีก 200 บาท
ได้คืนเมื่อ Check Out 
สภาพห้องเป็นสไตล์ตกแต่งเหมือนห้องนอนเด็ก อยู่สบาย ห้องน้ำดี สมราคา

   หลังจาก Check In เก็บของแล้วก็ได้มุ่งหน้าไปซื้อของใช้ต่างๆที่จำเป็น โดยเลือกใช้บริการ Big C ระหว่างนั้นก็มีแวะกินข้าวเย็นกันตามอัธยาศัย

ของต่างๆที่จำเป็น :

   เนื่องจากในคราวนี้ เลือกใช้เตาแก๊สปิคนิค และ เลือกทำสุกี้หมูกินกัน และเลือกอยู่บนภูสอยดาว 2 วัน ของใช้ต่างๆ ที่ซื้อจึงมี ดังนี้

1.เสบียงของกิน ขนมระหว่างเดินขึ้นกับกินเล่น
2.ถ่านไฟฉาย A สำหรับตะเกียง
   *พกตะเกียง LED ไปเอง
3.แก๊สหุงต้มกระป๋อง 4 กระป๋อง
    *พกเตาไปเอง
4.มีด เขียง ทำอาหารช้อนส้อมครบจำนวนคน
5.ข้าวสารอาหารกระป๋องอาหารกึ่งสำเร็จรูป
    น้ำมันพืชแม็กกี้เหลือน้ำตาลพริกไทย
    คนอร์เครื่องแกงต่างๆตามอัธยาศัย
6. กล่องโฟมเก็บของเย็น*****
7. ผ้าเช็ดใช้งานอเนกประสงค์
มีเตนท์เตรียมเอง (มีให้เช่าเตนท์และ หม้อสนาม

หลังจากนั้นจึงกลับที่พักและจัดการชำแหละ แยกของที่จะนำขึ้น และไว้ในรถรอใช้ขากลับ

โดยของที่จะนำขึ้นแบ่งได้ 2 ประเภท คือ
1.) สัมภาระขนเอง แบกเป้
     แนะนำนำของต่างๆใส่ถุงพลาสติกไว้อีกชั้น
     กระเป๋าสตางค์ มือถือ เตรียมซองกันน้ำ
     หากใครมีชุดคลุมเป้ก็เวิร์คเลย
2.) ของให้ลูกหาบขน จะเป็นพวกเสื้อผ้า 
     อาหารต่างๆ เตนท์นอน หม้อสนาม น้ำดื่ม         
     อุปกรณ์ทำอาหารต่างๆ

Day 2 : เดินทางสู่ภูสอยดาว

เริ่มออกเดินทาง
     หลังจากพักผ่อน ก็เริ่มออกเดินทางล้อหมุนประมาณ 5.45 เดินทางไปยังตลาดชาติตระการเพื่อกินข้าว (มีร้านอาหารตามสั่ง ก๊วยเตี๋ยว
อยู่หลังตลาด
ซื้อของสด ผัก ตามอัธยาศัย รวมถึง จาน ชาม ช้อนส้อม น้ำยาล้างจาน ฟองน้ำ สก๊อตไบร์ท
*มีโลตัส และ 7-11 รวมถึงร้านยาให้บริการ




     จากนั้นจึงเดินทางต่อไปยัง อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ถึงประมาณ 10.30-11.00 น.
ทำการลงทะเบียน ชั่งน้ำหนักของ เช่าหมอน แผ่นโฟมรองนอน หรือ อื่นๆตามต้องการ
(ค่าบริการ 35 บาท/kg พวกของเช่าจะถูกรวมคิดค่าหาบด้วย) จากนั้นชำระเงิน จะได้ตั๋วรับของมา และเริ่มเดินทาง 

กรอกลงทะเบียน
สถานที่ลงทะเบียน และ เช่าสิ่งของ
     ระยะทางจนถึงป่าสนด้านบน ตามป้ายบอก 6.5 km ย้ำว่าตามป้าย!!!ทางเดินจะค่อนข้างชัน(มากมีรกด้วยต้นไม้ใบหญ้าตามทางเป็นช่วงๆ 
เริ่มปีนกันเลย!
ถึงเนินพักระหว่างทาง เห็นยิ้มๆยังงี้ตอนพักนี่ลิ้นห้อยเลยครับ
ผ่านไป 1.15 km : เนินเสือโคร่ง

วิวตอนใกล้ๆถึงยอดภู เมฆมาบรึม
ภาพมุมกว้างบ้าง

เห็นยอดภูแล้ว อีกนิดๆๆ T^T
ร่วมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกซะหน่อย
ยังต้องไปต่อสินะ orz
ถึงศูนย์บริการแล้ว
    ใช้เวลาเดินทางตามวัยฉกรรจ์ประมาณ
 4 ชั่วโมงถึงยอด แต่ครั้งนี้ลูกหาบมาช้า เพราะโดนกักตัวให้ปล่อยพร้อมกับอีกคณะ กว่าจะมาถึงประมาณ 6 โมง ตอนนั้นนี่เริ่มหนาวละ แถมเริ่มมืดอีก

   หลังจากได้สัมภาระแล้วก็รีบกางเตนท์กันจนมืดถึงได้นั่งทำอาหาร มื้อเย็นแรก หุงข้าวสวยและเลือกทำต้มคนอร์หมูชิ้น ผักกาด ลูกชิ้นปลา ปรุงรสด้วยไข่ไก่ 
แม็กกี้ และ พริกไทย ตามจริงมีน้ำจิ้มสุกี้ แต่ไม่รู้หายไปตอนไหน คาดว่าหายตอนขนย้ายกับลูกหาบ TmT
 
กางเตนท์เสร็จสรรพ ทางซ้ายคือกางที่นั่งหน้าเตนท์ ใช้ทำอาหาร นั่งคุย

ต้มรวมมิตร คนอร์ ลูกชิ้น และ หมู

แต่ไม่เป็นไร!!! 
เรายังปรุงให้อร่อยได้
 หลังจากอิ่มหมีพีมันกันเรียบร้อยก็เข้าสู่ขั้นตอนการเคลียร์ของ อาบน้ำ

ที่นี่แบ่งน้ำเป็น 2 ประเภท
1.) น้ำฝน แทงค์น้ำเงิน ให้รองดื่ม แปรงฟัน 
2.) น้ำลำธาร ใช้สำหรับอาบน้ำ ล้างจาน หุงต้มอาหาร (แต่คนมักขนน้ำลิตรมาใช้แทน)

      โดยวิธีการคือ เช่าถังน้ำและรองน้ำไปใช้ในงานต่างๆเอง เช่น ตอนอาบน้ำให้รองน้ำจากลำธารละไปใช้อาบเอง ในห้องอาบน้ำ ซึ่งตอนกลางคืนนั้นมืดและไม่มีไฟ หากตอนอาบตอนดึก ไฟฉายเป็นสิ่งที่คาดไม่ได้โดยเด็ดขาด!! ไม่งั้นจะได้อาบน้ำท่ามกลางความมืดแบบผู้เขียน (ระหว่างเพื่อนไปหยิบตะเกียงจากเตนท์ orz)  หลังจากอาบน้ำเสร็จก็เข้านอน
เตรียมพร้อมเดินเที่ยวเล่นบนภูสอยดาว เก็บภาพต่างๆต่อไป


Day 3 : ชีวิตบนภูสอยดาว

      ต้องสะดุ้งตื่น ตอนตี 2 เพราะลมพักแรงมาก มากจนน่ากลับถ้ากางเตนท์ไม่ดีนี่แหก พังแน่นอนแต่สุดท้ายก็ทนได้แฮะ คนกางเตนท์นี่มันเก่งจริงๆ lol สบายใจแล้วก็นอนต่อ รุ่งเช้า 7-8 โมง เพื่อนผู้แสนดีที่ทำหน้าที่ขับรถได้ตื่นมาเตรียมทอำาหารให้ โดยได้ทำข้าวต้มจากน้ำซุปเมื่อคืน และ ข้าวผัดให้กิน จัดแจงกินข้าวเช้า ล้างเครื่องไม้ เครื่องมืออุปกรณ์อะไรเสร็จ ก็มีฝนปรอยๆมาเป็นระยะๆ จนถึงประมาณเกือบๆ 9 โมง ตอนแรกก็ยังขี้เกียจเดินทาง จนได้ยินแก๊งค์มนุษย์ลุง มนุษย์ป้าผู้เสียงดังตลอดคืน มีมารยาทในการกางเตนท์มากกล่าวว่าเดี๋ยวจะเดินทางตอน 9 โมง พวกผมนี่รับลุกเดินทางโดยฉับพลันเลยครับ
 
ข้าวต้มหมูสับ อร่อยแท้

ข้าวผัดหมูชิ้น อร่อยแท้ TwT

หมอกลงหน้ามาก อากาศก็เย็น อยากจินอนต่อจริงๆ zzZ

เริ่มเดินทางจากด้านหลังเก็บรูปบรรยากาศ หมอก และ ดอกหงอนนาค ไปเรื่อยๆจนถึงเสาหลักเขต ประมาณ 10 โมงกว่าๆ 
เสาหลักเขต ตรงไปเป็นยอดที่เปิดให้ขึ้นเฉพาะหน้าฝน
      จากนั้นก็เดินวนรอบไปตามทางวนซ้าย เรื่อยๆ จะเจอทุ่งดอกหงอนนาค และ ต้นสน จนถึงยอดสุดฝั่งนึง จากนั้นก็เดินย้อนกลับมาเลาะไต่ขอบผา จนมาถึงจุดชมพระอาทิตย์ตกดิน ประมาณเที่ยงครึ่งได้ 

ดอกหงอนนาค by iPhone 6
      หลังจากนั้นก็ตัดสินใจเดินกลับที่พักทำอาหารกินกัน พักผ่อนชิวๆ และระหว่างรื้อวัตถุดิบก็พบว่าซอสสุกี้ ไปรวมอยู่กับถุงผัก ==" เอาวะ ยังมีหมูชิ้นให้กินยังดีๆที่เจอก่อนจบทริป หลังจากพักผ่อนกันเรียบร้อยแล้วก็เดินทางไ ปยัง น้ำตกสายทิพย์ เป็นน้ำตกลำเล็กๆไม่ใหญ่ แต่ชันละลาดยาว อยู่ระหว่างทางเดินป้ายพิชิตภูสอยดาวกับลานกางเตนท์ ไม่ไกลกันมากนัก


จัดหนักทั้งแกงถุง ลูกชิ้นมีอะไรใส่ให้หมด
น้ำตกสายทิพย์ ชันพอตัวเลย แถมลื่นจากมอสอีกตะหาก
       พักผ่อนกับบรรยากาศเย็นช่ำของน้ำตกแล้วก็กลับไปยังจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน 
ตอนแรกกะทยอยอาบน้ำก่อนจะได้ไม่ลำบาก แบบเมื่อคืน แต่พอไปถึงพบว่าคนต่ออย่างยาวววววว =__=" ตัดสินใจรอดูพระอาทิตย์แล้วค่อยอาบน้ำตอนกลางคืนเหมือนเดิมก็ได้ (ฟะ)

       แต่สุดท้ายคุณพระอาทิตย์ก็มิสามารถมาได้ตามนัด เนื่องจากหมอกลงจัดมาก เห็นแต่แสงอันบางเบา จากนี้ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วได้แต่นั่งชิวเล่นดัมมี่ ฆ่าจวลาจนกระทั่งคนหมดค่อยไปอาบน้ำละเข้านอน เตรียมเก็บเตนท์ตอนเช้าแล้วลงภูในวันรุ่งขึ้น

หมอกลงจัดมาก อดเห็นพระอาทิตย์เลย -3-
Day 4 : ลาแล้วภูสอยดาว

      ทานมื้อเช้าจากกับข่าวที่เหลืออยู่เสียดายที่ฝนตกตอนเช้าเลยเสียเวลาทำให้เตนท์แห้ง นานพอสมควรกว่าจะเก็บของเสร็จก็ 9 โมงกว่าเกือบ 10 โมงแล้ว ทั้งต่อคิวจ้างลูกหาบอีก กว่าจะได้เริ่มลงก็ประมาณ 10.30 ค่อยๆไต่ๆกันลงมา แซงชาวบ้าน พณะอื่นๆบ้างเป็นระยะๆ เก็บภาพวิวเก็บตกเรื่อยๆ ลงมาถึงข้างล่างก็ 12.50 เกือบบ่ายโมง ใช้เวลาลงทั้งสิ้นประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง

    นั่งพักให้หายเหนื่อย ซื้อน้ำ ของฝาก เสื้อที่ระลึกเรียบร้อยก็เดินไปรับของ เขียนสมุดบันทึกให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ พร้อมคำติชม อาบน้ำอาบท่าอีกครั้ง ก่อนขับรถกลับเข้าตัวเมือง เพื่อซื้อของฝากที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่)

และมุ่งหน้าต่อไปยังสนามบินเพื่อคืนรถเช่า และนั่งเครื่องกลับดอนเมือง เป็นอันจนทริปภูสอยดาวลง :)

 ใครมีข้อสงสัยก็ถามได้นะครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันครับ ^^”