เกริ่นนำ:
จริง ๆ
ปี 2021 ที่ผ่านมา
ไม่คิดว่าจะได้เที่ยวไหนแล้วเนื่องด้วยความกรอบของร่างกาย ความอุดอู้ WFH แค่ได้ออกไป Hop ไปหาร้านอาหารดี ๆ ใหม่ ๆ ร้านกาแฟ ร้านชาดี ๆ
ก็คิดว่าพอใจละ แต่ดวงคนมันจะได้เดินป่าละนะ แถมแต้มบุญคงมีเยอะเพราะไม่ได้ใช้เลยคงออกผลงวดนี้พอดี
ทริปที่ลุยเดินป่าล่าสุดเป็นการไปจอยกลุ่มเกาะชาวบ้านรวมตัวนั่งรถตู้ยิงยาวแล้วพักโฮมสเตย์
เมื่อตุลาคม 2020 ส่วนทริปนี้ก็เปลี่ยนบรรยากาศไปอีกเป็นการจอยรวมตัวกัน
4 ขับรถส่วนตัวไปจอดรถที่หมู่บ้านปิล๊อก
ก่อนจ้างลูกหาบแล้วค่อยเดินตัวปลิวขึ้นเขา โดยสมาชิกครั้งนี้คนที่ 1 รู้จักกันไม่นาน กับอีก 2 คนที่ไปรู้จักกันหน้างาน 😆
อารมณ์แบบไงก็ได้ขอแค่ตี้ครบได้ไปเป็นพอแล้ว
การเตรียมตัว:
1) ดวง! แต้มบุญทุกอย่าง ใครจะสายมูก็สุดแล้วแต่
ส่วนเราคือสายลุ้นด้วยการพยายาม ทุกคนแบ่งกระหน่ำโทรจองกันไปเลย โดยติดตามการประกาศเปิดเขาช้างเผือกได้ที่
https://www.facebook.com/อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ-Thongphaphum-National-Park-660455174044774
โดยกฎ ณ
ปัจจุบันจะให้จองล่วงหน้าได้ไม่เกิน 7 วัน
เช่น แพลนจะขึ้น 30/12 ต้องโทรจองวันที่
27/12
สามารถโทรจองได้ตั้งแต่ 8:30 -16:30 น.
โดยจองได้ไม่เกินครั้งละ 6 คน ที่เบอร์ 034-510-070 หรือ 098-252-0359
2) ข้อมูลที่ต้องให้เมื่อโทรติด
2.1 วันที่จองขึ้นเขา
2.2. จำนวนคน
2.3 ชื่อ-นามสกุล เบอร์โทร และ
เลขประจำตัวประชาชนของแต่ละคน
2.4 หลังจากที่จองเรียบร้อยแล้ว
ให้ตัวแทนจัดส่งเอกสารหลักฐานสำเนาบัตรประชาชาของทุกคนให้ให้กับอุทยานภายใน 1
วัน ที่ Thongphaphumoffice@gmail.com
3) เตรียมหลักฐานยืนยันการได้รับวัคซีนแล้ว
2 เข็มขึ้นไป
เพื่อแสดงให้เจ้าหน้าที่ดู
(เช่น App หมอพร้อม หรือ
จะพกใบรับรองการรับวัคซีนแล้วแต่สะดวก)
4) สำหรับ ณ
ปัจจุบัน ในวันที่เข้าไปติดต่ออุทยานฯ ก่อนเข้าหมู่บ้านปิล๊อกเพื่อขึ้นเขา
ต้องมีผลการตรวจ ATK หรือ RT-PCR
ที่ออกโดยราชการไม่เกิน 2 วัน (เช่น จะขึ้น 30/12 ต้องมีผลตรวจลงวันที่ 28/12 หรือ 29/12) โดยเจ้าหน้าที่จะดูที่ผล Lab Result (ใบรับรองแพทย์ไม่ได้ใช่แต่ขอมาเก็บไว้ก็ได้
นี่ตอนยื่นไปเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ไม่มีใบรับรองแพทย์ แต่ผลการตรวจเป็นของสถาบันการแพทย์ที่แน่ชัดเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ดูอะไรต่อ)
สิ่งที่ต้องรู้:
- ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ตามประกาศของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ หมายถึงที่ https://goo.gl/maps/cVkbHVgEEV8am5bR6 ให้ค้นหาว่า “อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ” ถ้าเป็นที่ตั้งที่อยู่บนเส้น 4088 ก็คือถูกแล้ว
หากค้นหา “ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว…” จะไปแสดงผลในตัวเมืองแทนและขึ้นว่าปิดชั่วคราว - ติดต่อเพื่อคัดกรองให้เอกสารและชำระค่าบริการต่าง ๆ ที่อุทยานในช่วงเวลา 6:00 – 8:00 ของวันที่ขึ้น และค่อยเดินทางไปหมู่บ้านปิล๊อก เพื่อติดต่อ (จ้างลูกหาบ) และติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขึ้นเขา
- ข้างบนมีแต่ส้วมหลุม (ซึ่งกลิ่นแรงมาก) และไม่มีห้องอาบน้ำ ดังนั้น
3.1 พิจารณาของกินให้ดี ๆ เพื่อความสบายตา สบายใจ สบายจมูกของเราเอง
(หากจำเป็นต้องเข้าก็สวมแมสก์แล้วก็ป้ายพวกยาหม่องไว้ พอช่วยได้) - “ทิชชู่เปียก” มันคือ Key Item ของทริปนี้เลย อเนกประสงค์สุด ๆ
- อันนี้แนะนำส่วนตัว ควรมีพวกสเปรย์ Deodorant ดับกลิ่นเสื้อผ้า จะช่วยได้เยอะเพราะเหงื่อเราจะออกเยอะมาก
- แดดร้อนมาก จะมีส่วนที่เป็นทางเดินโล่งแจ้ง ควรเตรียมตัวรับมือกับแดดให้ดี ๆ
เช่น ปลอกแขน/เสื้อกันลมแขนยาวถ้ามีฮู้ดด้วยจะดีมาก หมวกก แว่นกันแดด กางเกงขายาว (อันนี้ส่วนตัวใส่ขาสั้นสบายกว่าแลกกับการคันขานิด ๆ) รองเท้าที่เกาะพื้นได้ดี เช่น พวก Vibram Grip เพราะจะมีจุดที่ชัน-ลาดอยู่บ้าง - “ไม้เท้าเดินป่า“ ถ้าแก่แล้ว ข้อเข่าไม่ดีเหมือนก่อน มันคืออีก Key Item ที่ช่วยรับแรงให้เรา
- “เต็นท์ ถุงนอน แผ่นรองนอน และชีทปูนั่ง” เตรียมเองหมดนะ ที่อุทยานจะมีก็แค่พวกถุงมือ
- “ถุงมือ” ต้องมี เพราะต้องใช้จับเชือกเพื่อปีนขึ้น-ลง บางจุดที่ชัน มีไว้กันถลำจะได้ไม่บาดมือ ที่อุทยานมีขายคู่ละ 10 บาท แต่ส่วนตัวเป็นพวกถ่ายรูปด้วยมือถือเลยใช้แบบถุงมือตัดนิ้วชี้ กลาง โป้ง เอามาหยิบถ่ายรูป
- “น้ำ” ควรพกไปตอนปีนเขาอย่างน้อยคนละขวด ถ้าใครจ้างลูกหาบก็ดูกะปริมาณสำหรับประกอบอาหาร แต่ส่วนตัวเป็นคนกินน้ำน้อย 1 ขวดเล็กยังไม่หมดเลย แต่หลายคนก็ 1 ขวดใหญ่กันนะ
- อาหาร: ข้อนี้แล้วแต่สะดวก จะพกแต่ของแห้งก็ได้ หรือ จะเอาพวกมาม่าไปต้มก็ดี ถ้าจะสะดวกก็พกเตาแก๊สปิคนิคไป (เดือดร้อนจริง ๆ อยากเปลี่ยนไปไปขอพึงใบบุญพี่ลูกหาบได้นะ)
ค่าใช้จ่ายตลอดทริป:
ขึ้นอยู่กับความพร้อมของอุปกรณ์ต่าง
ๆ ดูรายละเอียดได้ที่ท้าย Blog แต่อยู่ราว
ๆ ตั้งแต่ประมาณ 1,500 – 2,000 ไม่รวมค่าอาหารหลังลงจากเขาช้างเผือก
ที่ขึ้นอยู่กับจริตการกิน
Day 1: จากกรุงเทพก็ลุยแหลกเตรียมปีนมันเล๊ย (30/12/2021)
![]() |
เตรียมพร้อมเข้าป่ากางเต็นท์ในรอบเกิน 5 ปี |
หลายคนอาจจะมีไปชิลนอนที่หมู่บ้านปิล๊อกบ้าง
ไปเที่ยวตัวเมืองกาญจนบุรีแล้วพักซักคืนบ้าง แต่นี่ไม่ครับ เค้าให้รายงานตัวที่อุทยานแห่งชาติ ณ จุดศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 6:00 - 8:00 น. ช๊ะ
ก็ลุยเลยล้อหมุนเที่ยงคืนขับยิงยาว เหยียบเต็มมิดฝ่าโค้งขึ้นเขาไปที่อุทยาน
ด้วยความตีนระดับเทพของเพื่อน ๆ (ทริปนี้เป็นปลิงไม่ได้แตะเลย รถเพื่อน และ…เออ เราไม่น่าจะขับได้ทันใจเค้านะ 😂) ก็คือลุยเปลี่ยนมือกัน
2 คนด้วย VIOS มีแวะปั๊ม ปตท.หินแหลม (ปั๊มสุดท้ายที่มีห้องน้ำและ 7-11) ก่อนจะมาถึงหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิราว
ๆ ตี 5 กว่า ซึ่ง…ประตูยังปิด ที่ป้อมก็ไม่มีคน
ไฟก็ปิดอยู่เลยนอนหลับเอาแรงกันบนรถจนถึง 6 โมง
เจ้าหน้าที่ก็มาบอกว่าให้ไปรอด้านในได้นะ (ซึ่ง…จริง ๆ
เจ้าหน้าที่แกก็นอนอยู่ในป้อมนะ แต่นอนกับพื้น เรียกเค้าได้นะ)
6:00 กว่า ๆ เจ้าหน้าที่ก็เริ่มเรียกให้ไปรับบัตรคิวและกรอกข้อมูลตามแบบฟอร์ม
พร้อมเตรียมเอกสารรับรองผลตรวจ COVID-19 ให้เรียบร้อย
![]() |
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ติดต่อรับคิวยื่นเอกสารได้ตั้งแต่ 6:00 |
![]() |
ต่อคิวฟังดราม่า |
![]() |
เส้นทางที่เราจะลุยกันในทริปนี้ |
*พาร์ทบ่น*
ตอนขาไป มีดราม่าเหมือนแก๊งที่เป็นคิวลำดับ 1 มีผลตรวจจากสถานที่ที่ไม่ได้ไปจริง (เช่น
ตัวอยู่กรุงเทพฯ แต่ให้คลินิกที่เชียงใหม่ออกผลให้ โดยอาจจะตรวจ ATK เองไลฟ์ให้แพทย์ดู)
แถมเหมือนคลินิกที่อ้างก่อนหน้าก็ไม่ได้รับการรับรองให้ออกผลการตรวจ ATK ด้วยก็ถกเถียงกันอยู่นาน
เจ้าหน้าที่บอกว่าเคยเจอที่ปลอมแปลงผลและไม่มีคลินิกที่อ้างอยู่จริงด้วย
แต่ก็นั่นแหละ เสียเวลามาก คือเราเป็นคิวที่ 3 ที่ถ้าไม่ติดที่เถียงกัน
ให้คิวที่ไม่มีประเด็นคัดกรองลงทะเบียนต่อก่อนคงไม่เสียเวลากว่าครึ่งชั่วโมง
หลังจากตรวจสอบเอกสารเรียบร้อยแล้ว
เจ้าหน้าที่จะให้ชำระค่าบริการและค่าเจ้าหน้าที่หัวละ 310 บาท และไปชำระค่าจอดรถ ค่ากางเต็นท์
ค่าเข้าอุทยานที่ป้อมหน้าปากทางเข้า (ค่าเข้าคนละ 40 บาท
ค่ากางเต็นท์คนละ 30 บาท และ ค่าจอดรถเก๋ง 30 บาท) เรื่องค่าใช้จ่ายแล้วแต่จะบริการ จะเรียกเก็บกองกลางกันก่อน หรือ
สะดวกจ่ายแล้วจดโน๊ตกันไว้ จากนั้นก็เตรียมเดินทางไปยังหมู่บ้านปิล๊อกต่อ
**นอกเรื่อง**
ที่นี่จะมีนกเงือกคู่หนึ่งอยู่ เป็นนกเงือกที่เคยมีคนเลี้ยงแล้วตอนหลังเอามาปล่อย มีความอันธพาลชอบจิกชาวบ้าน ชวนทะเลาะกับเจ้าหน้าที่ประจำ เพลินตาดี กับ มีเจ้าเหมียวสามสีอยู่หนึ่งนาง นางน้วยมากกกกกก ถ้านางยอมนอนนิ่ง ๆ จกพุงได้ด้วยล่ะ
นกเงือกร่ายรำและตีกับเค้าไปทั่ว อ้วนจกพุงได้ด้วยนะ โคตรน่าน้วยยยยย
ขับตามเส้นทางไปยังหมู่บ้านปิล๊อกใช้เวลาไม่ถึง
1 ชั่วโมง สิ่งที่ต้องทำคือหาที่จอดรถให้ได้
อาจจะแน่นแต่ลานบนเนินจะมีที่จอดเหลือแหละ หาช่องเอา
หลังจากได้ที่จอดแล้วก็ได้เวลาจัดเตรียมของต่าง ๆ
สำหรับชุดที่เอาไว้เปลี่ยนกลับหลังลงมาอาบน้ำก็ไม่ต้องแบกขึ้นไปให้เปลืองน้ำหนักนะ
สำหรับของที่จะนำขึ้นไปแบ่งคร่าว ๆ ดังนี้
1) ของส่วนตัวที่หิ้วขึ้นเอง พวกน้ำ ของกิน อุปกรณ์กันแดด etc.
2) ของที่จ้างลูกหาบแบกขึ้น เช่น น้ำ เตาแก๊สปิกนิก หม้อสนาม เต็นท์ ถุงนอน แผ่นรองปู บลา ๆ
=> ข้อนี้ตอนแรกซื้อถุงแบบให้ใส่รวมแต่สุดท้ายลูกหาบจะแบ่งจัดสรรกันเองในทีมเค้านะ
มีประโยชน์แค่ตอนหิ้วไปหาลูกหาบ 🤣
หลังจากจัดแจงของแล้วเรียบร้อยก็เดินลงมาหาลูกหาบที่อาคารศูนย์เตรียมพร้อมป้องกันภัยประจำหมู่บ้าน (ตรงนี้ไม่แน่ใจก็ถามทางเค้าได้) โดยค่าบริการจะอยู่ที่ 30 kg แรก เหมา 1,500 บาท ส่วนเกินคิดกิโลละ 50 บาท ทีมเราครั้งนี้หิ้วขึ้นไป 45 kg ก็ตกที่ 1,500 + (50x15) = 2,250 บาท
นัดแนะลูกหาบ จำเบอร์กับหน้าตาพี่ ๆ เค้าไว้ให้ดีรวมถึงการขอใช้ช่วยกางเต็นท์ (ของเราโชคดีที่ลูกหาบช่วยไปจองกางเต็นท์ในจุดที่มีพุ่มไม้ช่วยกันลม ตรงนี้อาจติดต่อ คุยดี ๆ อ่ะ เป๊บซี่น้ำแข็ง จะจ้างก็บอกได้ตั้งแต่ตรงนี้เลยนะ)
จ้างลูกหาบเสร็จแล้วก็ไปกินข้าวเช้ากัน
เลือกร้านตามสะดวกเลย ส่วนใครอยากซื้อของกินไปกินระหว่างทางร้อน ๆ
จำพวกข้าวเหนียวหมูปิ้งก็เลือกเอาตามอัธยาศัย (แต่ข้าวเหนียวคือควรแบ่งกันนะ
ชุดหนึ่งคือให้เยอะมากกกกก คือเราไมได้สั่ง เพราะเตรียมขนมปังไว้แต่เห็นละจุกแทนเลย
เยอะโฮกกกกกก)
ลานตากรถ อย่าลืมคลุมกันแดดนะ (เพราะนี้ลืมกัน TwT ร้อนสุกตอนกลับมา) นัดแนะกับลูกหาบชำระเงิน (และจ้างซื้อน้ำอัดลมเพร้อมน้ำแข็งได้ด้วยนะ)
จากนั้นก็เดินไปที่จุดรวมพลเจ้าหน้าที่จะดูตรวจสอบยืนยันตัวตน
ถ่ายรูปรวมและค่อยปล่อยให้เดินขึ้นเขา เริ่มเดินออกจากหมู่บ้านประมาณ 8:30 เดินซัก 20 นาทีก็จะถึงปากทางเข้าเส้นทางขึ้นเขา
ก็จะรอเดินกันมาครบอีกรอบ ถ่ายรูปแล้วก็เริ่มปีนเขาเส้นทางจริง ๆ ตอนประมาณ 9
โมง
เดินมาท้ายหมู่บ้านตรวจเอกสารและถ่ายรูปหมู่ก่อนปล่อยขึ้น
**Tips ส่วนตัว**
ด้วยความที่ WFH มายาวตลอดปี แถมเป็นพวกไม่ออกกำลังกายใด ๆ เลย
มีแค่คุมอาหาร ก็กลัวความไม่ฟิต ครั้งนี้เลยเตรียมการเรื่องการกระตุ้นประสาท
เช้าก่อนขึ้นมีจัดกล้วยหอม 1 ลูก เปปทีน 1 ขวด และ M150 ครึ่งขวด
ระหว่างทางน้ำที่ดื่มคือกาแฟร้อนที่ดริปไปเองตั้งแต่กรุงเทพฯ ใส่แก้วเซรามิก (แต่จริง
ๆ แกควรเตรียมพวกเครื่องดื่มเย็น ๆ นะ 555+) เอาให้มั่นใจว่ามีแรงน่ะแหละ
ก่อนค่อยไปพบความจริงว่า….เออ จองยากกว่าปีนจริง
จะปีนชิลไปไหน กังวลเว่อเก้อเลย น้ำเล่าก็จัดไม่ถึงครึ่งขวดเล็ก (แต่ปกติเป็นคนกินน้ำน้อยอยู่ละ
ตอนไป Petra เดินทั้งวัน 5 Trail
ก็กินไม่หมดขวด) และที่สำคัญถ้ารู้ว่าเริ่มแก่แล้ว
ไม้เท้าเดินป่าช่วยได้มาก ๆ นี่ก็เริ่มมาใช้ครั้งแรกประทับใจมากทุ่นแรงได้เยอะจริง
ๆ
แหล่งพลักงานของคนติดกาแฟในถ้วยเซรามิกของ Fellow
(ประเด็นคือไม่ได้ Drip แบบเย็นมา ลืม TwT)
จากปากทางเดินไปช่วงแรกจะยังร่ม
ๆ อยู่ในป่า เดินไปประมาณครึ่งชั่วโมงจะเจอจุดพักแรก “ต้นส้าน” พักถ่ายรูปเล็กน้อย
พอหายเหนื่อยก็เดินต่อจะเริ่มเป็นที่โล่งขึ้นเนินเขา หญ้าจะเริ่มสูงใครไม่มีแขนยาวหรือปลอกแขนน่าจะเริ่มโดนบาดกันจังหวะนี้แหละผ่านไปอีกซักครึ่งชั่วโมงจะเจอจุดพักถัดมา
“คะเนียง” พ้นจากจุดนี้จะเริ่มปีนเขาทางจะเริ่มชันขึ้น
ใครไม่ชินตรงนี้จะเริ่มกินแรงสุด ๆ ใช้เวลา 15-30 นาที
แล้วแต่ความฟิต ก็จะมาถึงจุดพักและชมวิว “หุบกะเหรี่ยง” ที่จัดว่าเป็นจุดสวยจุดหนึ่งเลย เพราะจะเป็นผาที่มองย้อนกลับไปถึงเส้นทางที่เราเดินมา
เห็นทิวเขา ฟ้าโปร่ง ถ่ายรูปสวย
เดินมาครึ่งโลเพื่อพบว่าเพิ่งถึงปากทางขึ้น lol หน้ายังไม่ดำ ยังพร้อมลุย Check Point แรก "ต้นสาน"
![]() |
วิวอย่างงาม ฟ้าใสมาก |
![]() |
3rd Check point "หุบกะเหรี่ยง" วิวสวยมว๊ากกกก |
![]() |
อวดซักหน่อย ฟ้าสวยมาก ๆ จริง ๆ |
หลังพักถ่ายรูปแล้วเดินต่ออีกหน่อย
15-20 นาที (ป้ายจากหุบกะเหรี่ยงบอกว่า 410 เมตร) เวลาประมาณ 10:30 น. จะถึงจุดพัก
“หุบชะนี” จุดนี้เป็นจุดพักที่ร่มจุดหนึ่งก่อนที่จะลุยกลางแจ้ง
หากรู้สึกขาดน้ำควรดื่มให้พอเอาให้แน่ใจค่อยลุยต่อ
![]() |
4th Check point "หุบชะนี" |
เดินไปอีก
300-400 เมตร (10 กว่านาที)
จะมาถึงจุดพักกลางแจ้ง “เขาชะมด” จะเป็นช่วงตีนเขาที่มองเห็นมุมกว้างถ่ายรูปได้สวยอีกจุด
(แต่แดดจะเริ่มร้อนมาก ๆ) พักถ่ายรูปกันเรียบร้อยก็เดินกันต่อไปอีกไม่ถึง 10
นาที จะถึง “ดงไผ่” จุดนี้คือจุดพักที่ร่มที่สุดแล้ว
หลังจากนี้จะเป็นที่โล่งแจ้ง เวลาช่วงนี้จะใกล้ ๆ 11 โมง
แล้วแต่ว่าจะจัดสรรกับสภาพความฟิตกันยังไง ถ้าเหนื่อยก็พักยาว ๆ กินข้าว/เสบียง พร้อมค่อยลุย หรือ ถ้าไหวก็เดินลุยยาวไปต่อเลย อีกแค่ 2 สถานีก็ถึงลานกางเต็นท์แล้ว คนในทริปตกลงว่าจะลุยกันทีเดียวค่อยไปพักยาวที่เต็นท์เลย
มีทางเดินเลาะเขาบ้าง (แต่ส่วนตัวไม่มีความเสียวใด ๆ ทางเดินกว้างมาก) พ้นโขดหินจะเจอ 5th Check Point "เขาชะมด" เขาชะมด มีมุมโขดหินให้ถ่ายรูปเสยเห็นท้องฟ้าสวย ๆ ได้ หรือ ถ่ายย้อนมุมกว้างก็ได้วิว ตัวอย่างวิวมุมเสย ฟ้าอย่างงาม 6th Check Point "ดงไผ่"
ถ้าหิวจะกินจุดนี้ร่มที่สุดแล้วก่อนข้ามเขายาว ๆ แถมโล่งแจ้งไม่มีร่มด้วย
จากดงไผ่
เดินต่อไปอีก 10 กว่านาทีจะถึงจุดพัก
“เขาช้างน้อย” ส่วนเราช้างใหญ่//ผิด เป็นจุดพักก่อนไต่สันเขา (ซึ่งระยะทางไกลถึง 700 กว่าเมตร กว่าจะถึงสถานีถัดไป) เป็นอีกจุดที่หันหลังกลับไปถ่ายวิว
โคตรสวยเลย จากจุดนี้เดินไปอีก 15-20 นาทีจะถึงลานจอดเฮลิคอปเตอร์
(ถ้าไม่หยุดพัก) เดินต่ออีกนิดซัก 10 นาที ก็จะถึงสถานีสุดท้ายก่อนลานกางเต็นท์
ว่าแต่….ป้ายหาย มันคือที่ไหนวะ ดูในแมพที่ถ่ายที่อุทยาน อ่อ
“เขาลูกช้าง” ถึงจุดนี้น่าจะประมาณเวลา
11:30-11:40 ได้
ที่นี้จะเป็นการปีนข้ามเขาสุดท้ายก่อนถึงลานกางเต็นท์แล้ว จุดนี้ควรเริ่มใส่ถุงมือเพราะจะเริ่มชันจนต้องเกาะเชือกช่วยปีนขึ้น-ปีนลง ช่วงปีนขึ้นค่อย ๆ ไต่ได้ แต่ตอนปีนลงถ้าใครกลัวความชัน ความสูง
คงต้องค่อย ๆ ย่อจับเชือกให้มั่นแล้วค่อยกระดึ๊บลงไป (ส่วนเราก็คือถลาลง
รองเท้าดีมีชัยไปกว่าครึ่ง 😎) ซัก 20-30 นาที ก็จะมาถึง….ส้วมหลุม 3
ห้องในตำนาน!!!! บอกเลยว่ากลิ่นนี่ของจริง
มีแมสก์ก็ใส่ไว้ก่อนเดินผ่าน มียาดมยาหม่องก็ป้ายแมสก์ให้พร้อมเลย
แค่เดินผ่านก็ทรมานละ กลิ่นแรงมากจริง ๆ แบบยอมเลย
![]() |
เดินลุยเลาะเขากันต่อ ต้นหญ้าสูงมากแถวนี้ |
![]() |
หนทางอีกยาวไกล ถ่ายมุมนี้มีกำลังใจปีนมาก lol |
![]() |
ลูกไหนที่เป็นปลายทางนะ |
![]() |
7th Check Point "เขาช้างน้อย" เราช้างใหญ่ // โดนตบ เริ่มขึ้นไต่เขาโล่ง ๆ ยาว ๆ |
![]() |
มองมุมกว้างอีก 2 เฮือกถึงลานกางเต็นท์ |
![]() |
ผ่านลานจอด ฮ. ใกล้ถึง Check Point สุดท้ายแล้ว |
![]() |
เพื่อน ๆ ค่อยไต่ตาม ๆ กันมา |
![]() |
Last Check Point (8th) ป้าย "เขาลูกช้าง" ปลิวหายจ้า |
![]() |
อีกลูกนึง ๆ เริ่มเตรียมถุงมือกันได้แล้ว |
หลังผ่านไปก็จะถึงลานกางเต็นท์แล้ว
เสร็จสิ้นภารกิจครึ่งแรก หาเต็นท์จัดของ เก็บของแล้วก็หาที่ร่ม ๆ พักผ่อนรอเวลา 15:00 น. เจ้าหน้าที่จะเรียกขึ้นสันคมมีด
ช่วงเวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ก็แล้วแต่จะใช้เวลากันยังไงเลยจะกิน
จะนอนพัก จะเล่นไพ่ (ที่ไม่ใช่การพนัน) อะไรก็ว่ากันไป
นี่ตอนแรกก็กางผ้าปูแถวหน้าเต็นท์แต่แดดแรงจัดสุดท้ายไปนั่งตรงที่พักของลูกหาบ
จุดยุทธศาสตร์มาก หลบแดดร่มสุด ๆ
(เลยทำให้ได้คุยแล้วก็จ้างซื้อเป๊บซี่พร้อมน้ำแข็งมากินตอนเย็นหลังลงสันคมมีดนี่แหละ
😎)
**Tips ส่วนตัว**
เราพกน้ำเกลือแร่ไปด้วยก็จัดการพักหายเหนื่อยซัดชดเชย
กับ้นำเล็กน้อยก็สบาย ๆ ยาว ๆ นะ
![]() |
ถุงมือช่วยได้เยอะอย่าลืมเด็ดขาดกันลื่นกันบาดมือ |
![]() |
ส้วมหลุมในตำนาน กลิ่นแรงมากจริง TT |
![]() |
ถึงลานกางเต็นท์แล้ว ลูกหาบกางให้ก็สบายหน่อย |
ปีนขึ้นสันคมมีด
พอเวลา 15:00 เจ้าหน้าที่จะเรียกรวมพลชี้แจงข้อควรระวังต่าง ๆ ถ่ายรูปหมู่ แล้วก็ค่อย ๆ ไต่ขึ้น เนื่องจาก (เค้าบอกว่า) ชัน (แต่พื้นที่เดินโคตรกว้างสำหรับเรา) ก็พกของเฉพาะที่จำเป็น เช่น กระเป๋าแนบที่ใส่น้ำได้ โดยที่มือ 2 ข้าง พร้อมใช้งาน และถุงมือ สำหรับไว้จับเชือกให้มั่นไม่ต้องกลัวถลอก ปีนไต่เขาตามแนวจุดนี้จะค่อย ๆ เดินต่อ ๆ กันไปช้า ๆ ทางจะแคบเล็กน้อย ถ่ายรูปได้แหละแต่ถ้าจะถ่ายรูปก็ควรหยุดเดินนะ เดินไปประมาณ 20-30 นาที จะถึงจุดที่ต้องจับเชือก 2 มือแล้วดันตัวขึ้นตามสันหิน (ถ้าตก เซเอียงซ้าย-ขวา ก็กลิ้งยาวอ่ะ) อืม คือเราปีนรวดเดียวถึงเค้าไม่ได้ต้องแนะนำอะไร แต่ที่เห็นคนที่ไม่คล้อง หรือ หาจุด จังหวะไม่ได้เจ้าหน้าที่กับลูกหาบจะช่วยดูช่วยแนะนำนะ เชื่อมั่นพวกเค้าไว้เดี๋ยวก็ปีนขึ้นไปได้เองแหละ พ้นจุดคอขวดนี้ไปก็จะปีนข้ามอีกสองลูกก็ถึงยอดเขาช้างเผือกแล้ว ใช้เวลาอีกประมาณ 20-30 นาทีได้ (ตอนจะถึงยอด เพราะพักนานไป เครื่องเย็น จู่ ๆ ตะคริวขึ้นต้นขาสองข้าง ไปถึงละนอนตายยาวเลย ขยับไม่ได้ 😂)
![]() |
เริ่มปีนสันคมมีด |
![]() |
เคารพเจ้าที่ |
![]() |
ทางจะชันต้องปีนป่าย อย่าลืมถุงมือเด็ดขาด |
![]() |
หันหลังมาถ่ายรูปย้อนหน่อย ถ้าจะถ่ายให้หยุดยืนนิ่ง ๆ นะเดี๋ยวตกไปละเป็นเรื่อง |
![]() |
จุดที่จะลำบากเล็กน้อยดึงเชือกจะไต่ขึ้นไป (ใครกลัว ไม่ถนัดมีเจ้าหน้าที่ช่วยจ้า) |
![]() |
ถ่ายย้อนกลับไปหลังปีนขึ้นมา |
![]() |
Go on Go on |
![]() |
อื้มมมม TwT นั่นแหละปลายทาง |
![]() |
อีกนิดเดียววววววว |
![]() |
ถึงแล้ววววววววววว เห็นเขื่อนด้วยเพราะฟ้าใส |
![]() |
วิว 360 องศา อย่างงาม |
![]() |
วิวรอบ ๆ ยอดเขา |
หลังพักเหนื่อยก็เชยชมวิว ถ่ายรูป
พักผ่อนตามสบายเลย เจ้าหน้าที่ให้เวลาประมาณชั่วโมงหนึ่ง (ถึงประมาณเกือบ 5 โมง) จะให้เริ่มทยอยลง เพราะขากลับถ้าพระอาทิตย์ตกดินแล้วมันจะมองทางลำบากมาก
(จริง ๆ ก็ว่าจะลงไวพร้อมแก๊ง แต่เผลอไปถ่ายรูปให้พี่สามี-ภรรยาคู่หนึ่ง
ละยาวเลยจนคนลงหมด แต่ก็ถือว่าโชคดีได้มุมและวิวที่ไม่มีคน และกล้องพี่เค้าก็อย่างดีเลยได้รูปดี
ๆ เป็นค่าตอบแทน 😜) ขากลับใช้เวลาประมาณ 40 นาที (จะช้าสุดก็ตรงคอขวดที่ว่าไปก่อนหน้า) ถึงที่พักราว ๆ เกือบ 6
โมงได้ เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจพิชิตยอดเขาช้างเผือก
![]() |
ขอคนอยู่ในเฟรมบ้าง |
![]() |
That's me babe |
![]() |
ยอดเขาช้างเผือก 30/12/2021 |
![]() |
กิมมิคตัวเองไปไหนต้องโดดทุกงาน |
![]() |
ขากลับลงมาแสงสะท้อนเป็นทุ่งสีทองเลย |
![]() |
งามมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก |
![]() |
อยากหยุดเวลาไว้จริง ๆ |
อาหารการกินและการพักผ่อน
ทริปนี้เตรียมเป็นเตาแก๊สปิกนิก น้ำ ต้มมาม่า และหาของมาสุมกัน เช่น แกง ปลาประป๋อง เพิ่มโปรตีน หรือปรุงรสกันตามใจชอบเลย (ส่วนตัวก็พกปลาประป๋องญี่ปุ่น กับ ผงโรยข้าว) หลังกินเสร็จก็จัดเป๊บซี่ที่ได้จากพี่ลูกหาบ แล้วก็มีต้มชากินเองนิดหน่อย กินเสร็จก็ทำความสะอาด เก็บกวาด จัดของ
- ใช้ทิชชู่เปียกพระเอกของงานนี้ในการจัดการข้าวของต่าง ๆ
- เสื้อผ้าที่ใส่ขาขึ้นที่จะเปียกเหงื่อและอาจเหม็นอับก็แนะนำให้ฉีดสเปรย์ดับกลิ่น (Deodorant) หรือ น้ำหอม ก็แล้วแต่สะดวก
- ยากันยุง
- สเปรย์/ยานวด ฉีดหรือทาไว้เลย หรือ ใครสายพกยาคลายกล้ามเนื้อก็กินไว้ก่อนนอน
- ถ้ามีแผ่นปูรองนอน บอกเลยว่าชีวิตจะดีขึ้นเยอะ ไม่ก็ต้องถุงนอนหนา ๆ หน่อย
วิวตอนกลางคืน
ใครสายกล้องถ่ายรูปดาวคงฟินน่ะ แบบเต็มฟ้าแล้วก็สวยมาก แต่ดูนานไม่ได้
เพราะตอนกลางคืนลมแรงมาก ๆ ด้วยความที่เป็นลานโล่ง ๆ ตรงสันเขา คืนตีแรงแบบแรงมากจริง
ๆ ถ้ากางเต็นท์ไม่ดีมีปลิวกันอ่ะ หลังจัดการอะไรเรียบร้อยก็ได้เวลาพักผ่อนเตรียมเดินทางกลับ
Day 2: ลงมาก็ต้องน้ำอัดลมกับของกินอร่อย ๆ แล้วล่ะ (31/12/2021)
ตั้งปลุกไว้ไม่เกิน 6:30 แต่ว่าเอาเข้าจริง ตาสว่างตั้งแต่ตี 5 กว่า ก็นอนขด นอนกลิ้งไป จนเกือบ ๆ 6 โมงรู้สึกว่าเริ่มมีแสงเลยเดินออกมาถ่ายรูป ไป ๆ มา ๆ นึกครึ้มเลยย้อนปีนเขา แล้วก็คิดไม่ผิด ได้มุมพระอาทิตย์ขึ้นสวยจริง ๆ ด้วย และความกล้องมือถือกาก ก็ขอเกาะอาศัยกล้องชาวบ้านที่ขึ้นไปด้วยนั่นแหละถ่ายแล้ว Air Drop ให้ด้วยยยยยยยย 😆
6 โมงกว่า ๆ ฟ้าเริ่มสว่าง |
งดงาม |
มองวิวมุมกว้างบ้าง |
ขึ้นแล้วววว |
Cool! |
หลังชมพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จก็ลงมาจัดการข้าวของ ต้มน้ำดริปกาแฟ
และสวาปามของแห้ง (ส่วนตัวจัดเป็นแครกเกอร์ทูน่า) บางคนก็นม บางคนก็ขนม
บางคนก็โจ๊ก (ดีนะมีคนใช้น้ำร้อนด้วยไม่ใช่แค่เรา ไม่งั้นแบบ เอ้อ รอชั้นคนเดียว)
จัดการรองท้องเสร็จเรียบร้อย (พร้อมอัด M-150 อีกครึ่ง
และชาเขียวใส่กระบอกเซรามิกเก็บความร้อน) ให้พี่ลูกหาบเก็บเต็นท์ให้ ก็เริ่มเดินลงราว
ๆ 8 โมง ค่อย ๆ เดิน (อย่าลืมถุงมือด้วย
ตอนเช้าที่ดูพระอาทิตย์ขึ้นคือไปมือเปล่าจับลำบากแท้) ถ่ายรูป ชมวิวพักผ่อน
ซักเกือบชั่วโมงจะย้อนกลับมาถึง “เขาชะมด” แสงแดดและวิวทิวเมฆ สวยมาก มีโขดหินให้ถ่ายเล่นมุม เลยใช้เวลากันนานหน่อย
ณ จุดนี้
Moonstone my love :) |
![]() |
เขาชะมด มุมมันสวยจริง ๆ นะ |
ค่อย
ๆ ไต่ลงมาอีกราว ๆ 30-40 นาที (ประมาณ 9:30) ก็จะกลับมาถึง “หุบกะเหรี่ยง” ตรงนี้แดดโคตรเปรี้ยง แต่ก็ถ่ายรูปได้สวย อันนี้ใครทนได้ก็ได้รูปสวย ๆ
กลับไป แต่บรัย ไม่สู้ 555+ จากนั้นก็เดินลงยาว ๆ
พักตามสถานีเรื่อย ๆ อีกชั่วโมงหนึ่ง (10:30) ก็จะกลับมาถึงปากทางเข้า
แล้วก็เดินลงอีกอึดใจนึง 20-30 นาทีก็จะกลับมาถึงหมู่บ้านแล้ว
(ถึงราว ๆ 11 โมง) ก็พักผ่อนหาของกิน โดยเฉพาะน้ำอัดลม!
แล้วก็เดินช็อปปิ้งของฝากกันเสร็จ ค่อยเดินไปรับของที่ลูกหาบ ซึ่ง….เหลือแค่สัมภารกของแก๊งเรา เอ้อออออ จริง ๆ
คือเราควรเดินมารับของก่อนแล้วค่อยไปพัก ขออภัยมา ณ ที่นี้อีกที 😥 จากนั้นก็จัดข้าวของให้เรียบร้อยแล้วกลับไปอาบน้ำที่อุทยาน
วิวตรงหุบกะเหรี่ยง สวยมว๊ากกกก |
ทางเดินป่าสุดท้ายก่อนลงไปถึงหมู่บ้าน |
กลับมาถึงหมู่บ้านแล้ว |
บ๊ายบาย ปิล๊อก |
ที่อุทยานจะเป็นห้องส้วมและห้องอาบน้ำในตัว
ก็ต้องดูห้องดูคิว ดูสภาพดี ๆ จากจุดนี้ก็พักผ่อนสบาย ๆ กัน
พออาบเสร็จก็ไปดูนกเงือก ไปน้วยแมวต่อตามอัธยาศัย
พร้อมเพรียงเสร็จก็ไปรับประกาศนียบัตร พร้อมเงิน Refund
(ถ้ามี)
กับเจ้าหน้าที่เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจพิชิตยอดเขาช้างเผือกอย่างเสร็จสมบูรณ์
หลังจากนี้ใครใคร่กลับ ใคร่เที่ยวต่อ ใคร่ไปลุยร้านอาหาร คาเฟ่ หรือใด ๆ
ก็ตามแต่แพลนเลย (ส่วนตัวมุ่งไปหาร้านอาการดังในกาญจนบุรี แต่….นั่นแหละ เอิ่ม ตรง ๆ ผิดหวังกับรสชาติ เลยปิดมื้อสุดท้ายของปีแบบกร่อย ๆ
หน่อย) แล้วก็ยิงยาวมุ่งหน้ากลับสู่มาตุภูมิถึงกรุงเทพกันราว ๆ 3-4 ทุ่ม จบปีรอเคาท์ดาวน์แล้วนอนตายรอรับสภาพอาการปวดกันไป
เกียรติบัตรวันสิ้นปีพอดี (31/12/2021) |
สรุป: เป็นทริปที่จองยากกว่าปีน ระยะทางไม่ไกล แต่วิวสวยงามล้านแปดคุ้มค่าที่ไปมาก ๆ ควรค่าแก่การมาซักครั้งในชีวิต ส่วนเรื่องความชันอันนี้แล้วแต่บุคคล แต่ถ้าเทียบกับหลาย ๆ ที่ที่เคยไปมาก็คือเป็นระดับ Beginner นะ คือเหมาะสำหรับมือใหม่ อีกอย่างสำหรับเส้นทางที่มีอุทยานแบบนี้และไม่ไกลกรุงเทพฯมาก ถ้ามีรถส่วนตัวไปเองนี่ถือว่าสะดวกหลายอย่างมาก ๆ (จริง ๆ ไม่ต้องใกล้กรุงเทพฯ ก็ได้ อย่างตอนภูสอยดาวก็บินไปเช่ารถ ก็สะดวกดี)
รายการค่าใช้จ่าย: ย้ำว่าขึ้นอยู่กับความพร้อมของอุปกรณ์ต่าง ๆ